Toggle navigation
วันอังคาร ที่ 8 กรกฎาคม 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
สงคราม "ชิงมวลชน"
สงคราม "ชิงมวลชน"
วันพุธที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
Tweet
แม้ฝ่ายตำรวจจะบิดเบนประเด็นระเบิดหน้ามหาวิทยาลัยราม คำแหงว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ขัดกันของกลุ่มพ่อค้าแผงลอยริมถนน หรือพยายามจะบอกว่าเศษระเบิดที่พบประกอบไม่เหมือนกับดงระเบิดที่ 3 จังหวัดภาคใต้ก็ตาม
แต่จากการจับกุมมือระเบิดได้ในเวลาต่อมา ปรากฏเป็นคนไทยมุสลิมมาจาก 3 จังหวัดภาคใต้ถึง 2 คนมีประวัติก่อคดีมาโชกโชน
จะให้คิดเป็นมุมอื่นค่อนข้างยากเสียแล้ว
แม้ฝ่ายตำรวจจะปากแข็งแค่ไหน หรือพยายามจะระบุพลิกแพลงยังไงทำนองว่า คนไทยมุสลิมที่มาจาก 3 จังหวัดภาคใต้มาค้าขายที่ตลาดริมถนนย่าน มหาวิทยาลัยรามคำแหงอาจโกรธเคืองเรื่องธุรกิจ... แต่ตำรวจย่อมรู้ดีว่าย่านรามคำแหงนั้น หนาแน่นไปด้วยนักศึกษาไทยมุสลิมที่มาจาก 3 จังหวัดภาคใต้
แน่นอน มองในมุมของการศึกษา ย่อมเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาทุกคนไม่ว่าจะมาจากภาคไหนทิศใด ถือเป็นเรื่องดีของผู้ใส่ใจใฝ่แสวงหา และตักตวงความรู้...แต่พลิกมุมคิดเพียงนิดเดียวว่า หากนักศึกษาและคนไทยมุสลิมที่มีใจไม่บริสุทธิ์กับการศึกษา แล้วอาศัยสถาบันการศึกษาเป็นแหล่งซ่องสุม สมคบคิดก่อความไม่สงบขึ้นมาจนกลายเป็น "ย่านสัญญาณภัยจากไฟใต้"
อะไรจะเกิดขึ้น?
ก็ระเบิดที่มันดังขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีสัญญาณเตือนภัยว่า มันลามมาอย่างเงียบๆ จากภาคใต้แล้ว...ใครจะไปห้ามได้
แน่นอน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะไม่ให้ประชาชนวิตกกังวล จนถึงขั้นหวาดกลัวจนเกินเหตุ แต่มันก็ห้ามไม่ได้ที่จะคิดว่า "ภัยจากไฟใต้" ได้ย่างกรายมาถึงเมืองหลวงแล้ว
หลายคนอาจคิดเอาเองว่า เหตุการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ก็คงเป็น "สนามรบ" จำกัดพื้นที่ เพราะฝ่ายทหารก็ถูกส่งไปแก้ปัญหามากถึง 5-6 หมื่นนาย ใช้งบประมาณสูงถึงปีละ 2.7 หมื่นล้านบาท
แต่วันดีคืนดี ระเบิดก็แผดเสียงกึกก้องพร้อมกับสังเวยชีวิตประชาชนไปหลายศพ ณ ที่อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่เป็นพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้...แล้วอะไรล่ะ คือหลักประกันความปลอดภัย
ผมไม่ได้ปลุกกระแสเพื่อให้เกิดวิตกจริตกันไปทั้งประเทศ แต่กำลังจะบอกว่า ความเป็นเสรีชนของคนไทยในแผ่นดินด้ามขวานนี้ ที่คิดว่า จะไปไหนมาไหนได้ทุกซอกทุกมุมโดยไม่ระมัดระวัง หรือไม่รู้จักสังเกต ความผิดปกติแม้แต่น้อย ย่อมเป็นช่องว่างที่จะทำให้เกิดกรณี "ระเบิดหน้าราม" ได้ทุกโมงยามทุกๆ ที่
ยิ่งรัฐบาลทั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่อาจลดความรุนแรงที่นั่นได้เลย กระทั่งเปลี่ยนกลยุทธ์มาเป็น แผนพูดจาแสวงหาจุดร่วมให้เกิดความ สงบ "แม้ซักเสี้ยวนาที" ก็ดีถมแล้ว
ยังหาไม่ได้แม้รอยฉีกยิ้ม!
ผมไม่ได้บอกว่าให้เลิกคุยเลิกเจรจาเสียเถอะ ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร เพราะความเจ็บปวดและความตายก็ยังดำรงต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด...แต่เราก็ต้องอดทน ต้องพยายามทุกวิถีทาง
ผบ.ทบ.ก็ส่งสัญญาณมาแล้วว่า ถ้าพูดคุยกันไม่มีอะไรคืบหน้า "ก็จบ"
ผมจึงอยากเห็นปรากฏการณ์พิเศษทางการเมืองบ้าง นั่นคือ ความเป็นเอกภาพของบรรดานักการเมืองทุกพรรคทุกฝ่ายได้หันหน้าเข้าหา กัน และช่วยกันระดมมันสมองหาทางคิดแก้ให้เกิดความสงบอย่างจริง จังและจริงใจ โดยถอดเก็บชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมที่หวังจะเอาชนะคะคานกันตลอดไป อย่างไม่คำนึงถึงความสำคัญของชีวิตคนไทยทุกศาสนาที่ทับถมล้มตายกันไปมากกว่า 5,000 ศพตลอด 9 ปีเต็ม
ยังต้องนับศพต่อไปในวันพรุ่งนี้ และวันหน้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้อนาคตว่า ความตายจะสิ้นสุดเมื่อใด
ความจริงเราๆ ท่านๆ ก็พอมองออกแล้วว่า สถานการณ์ที่นั่นไม่มีวันจบง่ายๆ แม้จะเปิดช่องพูดจากันก็ตาม เนื่องเพราะตั้งเงื่อนไขยึด "อัตตา" ของฝ่ายตัวเองสูงจนคู่เจรจาไม่อาจยอมรับได้
ผบ.ทบ.อาจไม่พูด แต่ผมก็เชื่อว่าเราคิดไม่ต่างกันคือ "เสียเวลา"
เรามาคิดยุทธศาสตร์ใหม่ให้ "ก้าวความรุนแรงที่ไร้ขีด" กันเถอะ
นั่นคือ "สงครามชิงมวลชน" ซึ่งกองทัพก็ทำแล้ว ฝ่ายปกครองก็เดินหน้าอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับยุทธวิธีให้สอดคล้องกับพื้นที่เท่านั้น เช่นตั้งแกนนำท้องถิ่นที่เป็นคนในพื้นที่รวมตัวกันทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมเป็น "กองทัพประชาชน" ด้วยวิธีจัดคอร์สอบรม "ติดอาวุธทางปัญญา" อย่างเอาจริงเอาจัง
มีเงินเดือนระดับหนึ่งเหมือนทหารเหมือนข้าราชการทั่วไป แล้วสร้างหลักสูตรการศึกษาใหม่โดยยึดคัมภีร์อิสลามบริสุทธิ์เป็นเกณฑ์ให้สอดรับกับ 3 จังหวัดภาคใต้ และเปรียบเทียบความชั่วร้ายของสงคราม จากทั่วโลกมาเป็นบทเรียนและวิเคราะห์ด้วยทฤษฎีการดำรงชีวิตอย่าง สันติอย่างไร
ปรับกระบวนคิดที่เคยทำอยู่แล้วนิดเดียว บางทีท่านอาจเห็น "ทางสว่างที่ปลายรางรถไฟสายสุไหงโก-ลก" ก็ได้...อย่ามัวแต่จม ปลักอยู่กับตำนานเก่าๆ อยู่เลยครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่: ความล่าช้า 4 หมื่นล้านบาทที่...
...
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ