เมื่อจังหวะรุกไล่ในสภา "เว้นวรรค" ไปชั่วอึดใจ! "รัฐบาลพรรคเพื่อไทย" ย่อมไม่อาจดึงเกมเข้าสู่สภา เพื่อลดแรงเสียดทานจากรอบนอกได้เหมือนที่เคยทำ ทั้งยังพบว่า "ฝ่ายตรงข้าม" ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในข่าย "ขบวนการล้มรัฐบาล" ก็ประเดประดังเข้ามาไม่ขาดสาย

ทำให้บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลของ "นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ต้องคอยต้อนรับ "มวลชน" อย่างไม่เต็มใจนัก ทั้ง "สารพัดม็อบ" ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐรอบแล้วรอบเล่า ไปจนถึง "ม็อบการเมือง" ที่ระดมคนมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล

เช่นเดียวกับ "กลุ่มพลังใหม่" ที่มีจุดเริ่มจาก "โซเซียลมีเดีย" แล้วขยับลงมาสู่ท้องถนน ลุกลามไปเรื่อยๆ จนเกิดปรากฏการณ์ "ม็อบหน้ากากขาว" ที่เคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณ

โดยความเคลื่อนไหวของ "กลุ่มคนไม่เปิดหน้า" ได้จงใจยึดทำเลหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นสถานที่นัดรวมพล โดยใส่หน้ากากขาว "กาย ฟอว์กส์" อันเป็นตัวเอกจากภาพยนตร์ "วี ฟอร์ เวนเดตต้า" พร้อมกับถือป้ายที่มีข้อความต่อต้านรัฐบาลและระบอบทักษิณ ที่ว่า "ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้ออกจากประเทศไทย"

ในจังหวะใกล้เคียงกับการเปิดตัวของ "กลุ่มไทยสปริง" ซึ่งล่าสุดประกาศยกระดับการเคลื่อนไหว ด้วยการเปิด "ไทยสปริงฟอรั่ม" เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทุกสัปดาห์ ทำให้หลายฝ่ายอดจินตนาการไม่ได้ว่า จังหวะการรุกคืบของ "ตัวละครการเมือง" ทั้งหน้าใหม่-หน้าเก่า ซึ่งยืนตรงข้าม "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" จะนำไปสู่อะไรบ้าง?!!

นี่จึงเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงความหวั่นใจลึกๆ ต่อความไม่ปกติที่เคลื่อน มาประชิดรัฐบาล...

โดยคนในรัฐบาลต่างเชื่อตรงกันว่า "หน้ากากขาวและเครือข่ายเคลื่อนไหว เชื่อมโยงกันหมด และครึ่งปีหลังม็อบการ เมืองมาเยอะแน่"

"สุรนันท์ เวชชาชีวะ" เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ระบุถึงสถานการณ์ทาง การเมืองของรัฐบาลภายใต้การนำของ "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" ที่ขณะนี้เริ่มมีหลายกลุ่มออกมาคัดค้านการบริหารงาน และ พยายามปลุกระดมมวลชนออกมาเคลื่อน ไหว "ล้มรัฐบาล"

"รัฐบาลทำงานมา 2 ปี แต่เมื่อเข้าปีที่ 3 ทุกคนคิดไปถึงการเลือกตั้งแล้ว นายกฯต้องผลักดันนโยบายใหม่ๆ และถ้าจะปรับโครงสร้างใหม่ก็ต้องทำในปีนี้ ซึ่งก็น่าจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลก็มองว่า หากปล่อยให้งานเราสำเร็จอีก 1 ปี เมื่อเข้าไปสู่ปีที่ 4 ก็ยากที่จะมาต่อสู้กับรัฐบาล และสิ่งที่รัฐบาลทำมา 2 ปี พวก คนที่เสียผลประโยชน์ ก็ต้องเอาสักหน่อย ปีนี้จึงเป็นปีที่ท้าทายของรัฐบาล เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ คนก็ต้องมารุมกันตรงนี้ แต่นายกฯ มั่นใจว่าเดินมาถูกทาง การบริหารงานถูกทาง ประชาชนยอมรับ ก็ต้องเดินต่อ"

เมื่อดูสถานการณ์ในช่วงหัวเลี้ยวหัว ต่อทางการเมือง "สุรนันท์" แสดงความเห็นไว้อย่างน่าใจ...

"ถ้าเขาล้มตรงนี้ไม่ได้ และเข้าสู่การเลือกตั้งก็หยุดนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้ ยาก เขาจึงต้องดิสเครดิตให้มากที่สุด ถ้า ไม่ใช่ล้มก็ดิสเครดิตให้เสียศูนย์มากที่สุด เอาให้ตกราง แล้วพอเข้าสู่การเลือกตั้งมันจะสูสีกัน เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่าฝ่ายค้านเทียบไม่ติดชั้นเลย เพราะตัวเองยังมีปัญหาค้างคาอยู่ และผลงาน ที่ไม่เด่นชัดในช่วงที่เป็นรัฐบาล แถมยังมีปัญหาภายในอีก เขาจึงต้องระดมสรรพกำลังมาดึงรัฐบาลอย่าไปไกลนัก เขาจะดึงให้มากที่สุดแล้วดูว่า มันจะสะดุดหรือเปล่า แล้วถ้าสะดุดขาตัวเอง ไป เลือกตั้งกันเขาก็มีสิทธิ ถ้าเขาปล่อย ให้เราลอย ผมว่ายาว"

ขณะที่ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านความมั่นคง ยังคงเร้าให้สถานการณ์ "การเมืองไทย" ร้อนฉ่าเข้าไปอีก เมื่อพยายามต่อจิกซอว์การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลว่า..เป็นขบวนการเดิมที่เคยเคลื่อนไหวในปี 2548-2549

"สิงห์เหลิม" ได้ออกมาแฉ "ท่อน้ำเลี้ยง" ที่ให้เงินสนับสนุน "ม็อบการเมือง" ซึ่งกอปรด้วย "3 กลุ่มทุนใหญ่" ทั้งนายธนาคาร-พ่อค้าหมูเห็ดเป็ดไก่-บริษัทน้ำเมา บวกอีก "1 โมกุนด้านสื่อสาร" ที่เกี่ยวพันกับ "ม็อบล้มรัฐบาล" จนผู้ถูกพาดพิงต้องเด้งออกมาปฏิเสธข่าวกันจ้าละหวั่น

ในบางกระแสก็ชี้ไปว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนดังกล่าว "ฝ่ายทักษิณ" ก็ล่วงรู้ถึงและมีการเคลียร์กันหมดแล้ว

ย้อนไปก่อนหน้านี้ ได้มีนักธุรกิจที่ยืน อยู่ฝั่งตรงข้ามและเคยลงขันล้ม "เครือข่ายทักษิณ" เดินสายไปเคลียร์กับ "นายใหญ่" มาแล้วหลายกลุ่ม

เริ่มจาก "นายแบงก์" ที่เป็นปฏิปักษ์มาตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" ประกาศออกพันธบัตร ถึงกับมี "บิ๊กเนม" รายหนึ่งนัดบรรดา "นายธนาคาร" ไปกินข้าวที่โรงแรมดังย่านสีลม มีการเสวนาชี้นำให้ "แบงก์แอนตี้" ไม่ซื้อพันธบัตรของรัฐบาล

เมื่อ "นายใหญ่" รู้ข่าวคลุกวงในก็ถึงกับลมออกหู ต่อสายตรงถึง "ซีอีโอแบงก์ใหญ่" เป็นการส่วนตัวว่ามีการประชุม ลับเพื่อรุมกินโต๊ะ! หวังล้มโครงการขายพันธบัตรรัฐบาลจริงหรือไม่..ซึ่งอีกฝ่ายตอบไม่เต็มปากเต็มคำ แต่ยืนยันว่า จะให้ความร่วมมือเต็มที่โดยปราศจากเงื่อนไข

สำหรับ "พ่อค้าหมู เห็ด เป็ด ไก่" ที่สารวัตรเหลิมกล่าวพาดพิงไปนั้น ก็มีข่าวว่าเดินสายไปพบกับ "คนไกลบ้าน" ทั้งด้วยเจตนาและความบังเอิญในต่างประเทศที่ญี่ปุ่นและประเทศจีน เจรจาหย่าศึกกันจนเป็นที่ลงตัว!

ต่อจากนั้น ก็เป็นการลดช่องว่างความ ขัดแย้ง นับหนึ่งใหม่ด้วยการซื้อใจ โดยให้ "ข่าวทีวี" ของลูกชายฝ่ายหนึ่ง มาร่วมออนแอร์ในกิจการทีวีที่ลูกชายอีกฝ่ายหนึ่ง รับบริหารอยู่ นำร่องไปก่อนหนึ่งช่อง ก่อน จะขยายเวทีให้เป็น "สองช่อง" ในเร็วๆ นี้

ส่วนอีกรายที่เข้าไปเคลียร์ใจ คือ "กลุ่มคนขายของมึนเมา" ที่ล่าสุดมีการนัดไกล่เกลี่ย เพื่อลดปมคาใจกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

อีกหนึ่งสัญญาณที่แม้จะแผ่ว..แต่ก็น่าสนใจยิ่ง นั่นคือภาพในงานแต่งงานระหว่าง "เชอรี่-ชยาภา วงศ์สวัสดิ์" ลูกสาวของ "สมชาย-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" กับ "ลี นัล นัม" บุตรชายของนักการเมืองคนใกล้ชิดของ "สมเด็จฮุน เซน" ผู้นำเขมร เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน อันเป็นกิจการโรงแรมในเครือข่ายของ "เจริญ สิริวัฒนภักดี" ที่ได้ชื่อว่าเป็น "เจ้าพ่อน้ำเมา"

ซึ่งไม่แน่ว่า จะเกี่ยวพันหรือเป็นคน คนเดียวกับ "พ่อค้าของมึนเมา" ที่ "สิงห์เหลิม" ระบุมาหรือไม่??

คาดเดาได้เพียงว่า การที่ "หลานทักษิณ" ลูกสาวของ "สมชาย-เจ๊แดง" ไปจัดพิธีแต่งที่โรงแรมแห่งนี้ น่าจะบ่งบอกนัยยะบางประการ แม้จะมีสายสัมพันธ์ หนึ่งผูกโยงมาจาก "อดีตนายกฯ สมชาย" กับ "ปณต สิริวัฒนภักดี" หรือ "ลูกยอด" ของ "เจ้าสัวเจริญ" แม้จะต่างวัย แต่เป็นเพื่อน วพน.2 รุ่นเดียวกัน

ทว่าน่าจะมี "โซ่ข้อกลาง" ที่ใหญ่กว่านั้น เพราะหลังจากงานแต่งลูกสาว "เจ๊แดง" ผ่านไปไม่นาน "นายกฯยิ่งลักษณ์" ได้นัด 3 ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่นำทีมมาโดย "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ออกมาสยบข่าวลือปฏิวัติกลางวงดินเนอร์หรู ซึ่งก็ใช้สถานที่นัดหมายที่ "โรงแรมพลาซ่า แอทธินี" เช่นเดียวกัน

นั่นย่อมแสดงว่า ต้องมีการเคลียร์ใจระหว่าง "เจ้าพ่อน้ำเมา" กับ "เครือข่ายนายใหญ่" ไปบ้างแล้ว...มิเช่นนั้น "ยิ่งลักษณ์" คงไม่ไปใช้บริการเลี้ยงมื้อค่ำ "ผบ. เหล่าทัพ" เป็นแน่

ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ล้วนเป็น "รหัสทางการเมือง" ที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กัน..

เมื่อนำจิ๊กซอว์เหล่านี้มารวมกัน ก็ยิ่งปรากฏภาพชัดขึ้นถึง "ขบวนการ" ที่มีเป้าหมายเพื่อ "ขจัด" รัฐบาลชุดนี้ให้พ้นไปจากการถืออำนาจรัฐ

นี่จึงเป็น "ภาวการณ์ทางการเมือง" ที่รัฐบาลกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะยังมีโรดแมป "เดินสุดซอย" ที่ต้องแก้ไขกฎหมายสำคัญหลาย ฉบับ ตลอดจน "สะสางปัญหา" ที่กลุ้ม รุมรัฐบาลให้ทันท่วงที เพราะในอีกไม่กี่อึดใจ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" คงต้องหาทาง รับมือกับ "แรงเสียดทานครั้งใหญ่" ทั้ง ศึกนอกและศึกในสภาที่จะเวียนมาบรรจบในห้วงเดือนสิงหาคมนี้!!