ชมรมฯ “รถ ราง เรือ” ไทย-ลาว MOU ยกระดับขนส่งเชื่อมโลก พร้อมลุยดัดแปลงรถบรรทุกไฟฟ้า D-EV

วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ชมรมฯ “รถ ราง เรือ” ไทย-ลาว MOU ยกระดับขนส่งเชื่อมโลก พร้อมลุยดัดแปลงรถบรรทุกไฟฟ้า D-EV


ชมรมฯ รถ ราง เรือ ไทย-สปป.ลาว จรดหมึก MOU ดาต้าเกท - เอ็น.เอส.เค.อินเตอร์โปรดักส์” ยกระดับการค้า-ขนส่งไทย-ลาวเชื่อมเศรษฐกิจไทยระหว่างประเทศ ส่งต่อการค้า-ขนส่งผ่านระบบ รถ ราง เรือของไทย-ลาวไปยังจีน และเวียดนาม ปักหมุดหมายการค้าไทย-ลาวสู่ก้าวสำคัญประเทศเพื่อนบ้านค้าขายร่วมกันภายใต้ CLMVT พร้อมร่วมผลักดันโครงการดัดแปลงรถบรรทุกสันดาปเป็นรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า D-EV หวังช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนค่าการขนส่งด้านเชื้อเพลิงตามเทรนด์เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น

ร่วมมือทุกฝ่ายเร่งรัดให้สัมฤทธิ์ผล

นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานที่ปรึกษาชมรมผู้ประกอบการขนส่งสินค้า รถ ราง เรือ ไทย เปิดเผยว่า ความร่วมมือ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการความร่วมมือทางการค้าและการขนส่งระหว่างไทย-ลาว และโครงการดัดแปลงรถบรรทุกสันดาปเป็นรถบรรทุกระบบพลังงานไฟฟ้า D-EV ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อก้าวไปสู่จุดสำคัญอีกระดับหนึ่ง ประเด็นการดัดแปลงรถบรรทุกเครื่องยนต์สันดาปเป็นพลังงานไฟฟ้าเราต้องรีบดำเนินการผ่านความร่วมมือของทุกฝ่าย เพื่อให้กรมขนส่งทางบก (ขบ.) รับรองต่อจดทะเบียนได้แบบเดียวกับ NGV ที่เราเคยทำมาในอดีต ไม่ว่าจะถูกผลักดันและเร่งรัดในรูปแบบกรรมาธิการในรัฐสภา หรือการกำหนดกรอบกฎหมายรองรับ ปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 คือหลักใหญ่ที่สร้างปัญหาให้กับพวกเราในเวลานี้ ทุกอย่างรอไม่ได้แล้วทุกฝ่ายต้องช่วยกันเร่งรัดเพื่อให้เกิดสัมฤทธิ์ผล

“ประเทศไทยเรากำลังเดินหน้าเชื่อมทุกอย่างให้ใกล้เข้ามาหาตัวเรามากยิ่งขึ้น เพราะว่าบทบาทเราในฐานะมีจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบกว่าทุกประเทศในอาเซียน หนุนให้ไทยเราเป็นด่านแรกที่ทุกประเทศในอาเซียนเข้ามาเชื่อมโยงการค้าการลงทุน เพียงแต่ว่าอาจมีบางโครงสร้างที่บิดเบี้ยวไปบ้าง ส่งผลให้ทุกอย่างในเวลาอาจชะลอตัวลงไปบ้าง หากเราปรับในหลายเรื่องได้ เชื่อแน่ว่า ไทยเราจะเป็นด่านหน้าและมีบทบาทอย่างมากในด้านการค้าของอาเซียนด้วยกัน เพื่อให้ทุกอย่างสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ผมจึงขอแสดงความยินดีในความร่วมมือของทุกฝ่ายในครั้งนี้เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวในความร่วมมือกันก้าวเดินสู่ความสำเร็จร่วมกันในอนาคต”

ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเราเก่งในเรื่องการดัดแปลงไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่สิ่งที่อยากจะฝากคืออันดับแรกต้องช่วยกันผลักดันให้มีกฎหมายรองรับก่อนทุกอย่างจะไหลมา ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดในด้านทางเลือกอื่นๆ ได้

ขณะที่การผลักดันความร่วมมือระหว่างชมรมฯ รถ ราง เรือ ไทย-ลาว ยกระดับการค้า-ขนส่งไทย-ลาวเชื่อมเศรษฐกิจไทยระหว่างประเทศนั้น อย่างแรกเลยที่เราต้องช่วยกันขับเคลื่อนคือเรื่องของรถไฟไทยที่อยู่ในเซฟโซนมานานที่ทำอย่างไรจะให้เกิดขึ้นได้ ขณะเดียวกันไทยเราได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านนี้มาเป็นล้านล้านบาทเพื่อให้การขนส่งทางรางเป็นกระดูกสันหลังภาคการขนส่งในอนาคต

“แต่ด้วยข้อจำกัดและปัญหาต่างๆ จากองค์กรรถไฟไทยเองไม่ได้รับการยกระดับพัฒนาในทิศทางที่ควรจะเป็นในด้านต่างๆ แต่ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ผมเชื่อว่าทุกท่านและภาคีเครือข่ายสายสัมพันธ์ที่เรามีทั้งในไทย-ลาว จะเป็นแรงผลักดันให้เราจะสามารถประสานงานและร่วมกันเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เคยมีในอดีตและกำลังจะเกิดขึ้นเพื่อให้การ MOU ในครั้งนี้เกิดเป็นรูปธรรมตามวัตถุประสงค์ที่เราไว้วางให้มากที่สุด”

2 MOU 1 เป้าหมายความร่วมมือ-ความสำเร็จร่วมกัน

ด้าน ดร.ชุมพล สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอส เอ็กซ์เพรส 2020 จำกัด และในฐานะประธานชมรมฯ ได้ฉายภาพว่า ชมรมฯ ได้ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือคนในวงการที่คร่ำหวอดเป็นที่ยอมรับไม่ว่าจะเป็น นายยู เจียรยืนยงพงศ์ อดีตประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน(ATF) และในฐานะเป็นประธานผู้ก่อตั้งสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน (ATF) ส่วนตัวผมเองเป็นอดีตนายกสมาคมฯ เป็นประธานผู้ก่อตั้งสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย และปัจจุบันเป็นรองประธานสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย เพื่อร่วมขับเคลื่อนภารกิจที่เป็นประโยชน์ต่อแวดวงการขนส่งในรูปแบบชมรมฯที่มีความคล่องตัวมากกว่ารูปแบบสมาคมฯ ที่มีกฎระเบียบต่างๆ ตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย โดยเริ่มต้นจากจุดที่ใกล้ตัวมากที่สุดคือโหมดการขนส่งสินค้าทาง รถ ราง เรือ และอาจจะขยายเพิ่มทางอากาศเข้าไปด้วย ซึ่งโหมดการขนส่งที่ว่านี้เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์และเชื้อเพลิงพลังงานจึงเป็นที่มาการรวมพลังเพื่อ MOU ในครั้งนี้

“เส้นทางการค้าทุกวันนี้กลายเป็นโลกโกลบอลที่เชื่อมถึงกันหมดแล้ว เรามองจุดหมายปลายทางอาจจะที่จีนไปถึงรัสเซียผ่านมาที่ลาว ไทย มาเลย์เซีย และสิงคโปร์ และในอนาคตอาจจะขยายจากจีนไปทางยุโรปได้ หรือแม้กระทั่งจากไทยไปเมียนมาไปอินเดีย ซึ่งเกิดจากการมีสายสัมพันธ์และมีการต่อยอดภารกิจ เพราะเรื่องการค้าและโลจิสติกส์เป็นของคู่กัน เรามองด้วยบริบทภารกิจไม่ได้มองในเรื่องโครงสร้างการบริหารจัดการแบบสมาคมฯ ซึ่งมีข้อจำกัด ดังนั้น ผู้ที่มีภารกิจใกล้เคียงกันสนใจในเรื่องเดียวก็มารวมตัวกันเป็นชมรมฯ”

สำหรับครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการค้าและการขนส่งระหว่างผู้ประกอบการขนส่งสินค้า รถ ราง เรือทั้งไทย-ลาว เป็น MOU ฉบับที่ 1 และจะมีฉบับที่ 2 ว่าด้วยโครงการดัดแปลงรถบรรทุกสันดาปให้เป็นรถบรรทุกไฟฟ้า D-EV ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องช่วยกันผลักดันให้เป็นรูปธรรม ซึ่งพวกเราก็เคยผ่านช่วงการเปลี่ยนผ่านในเรื่อง NGV มาแล้วเข้าใจว่ามีทั้งปัญหาและอุปสรรคเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านตรงนี้ผ่านไปด้วยความราบรื่น ตลอดถึงการขยายผลไปถึงการก่อสร้างโรงงานดัดแปลงและสถานีจุดชาร์จต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องที่ต้องช่วยกันขับเคลื่อนกันต่อไป

“การ MOU กันในครั้งนี้ถือว่าได้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการทั้งในไทยและสปป.ลาว ซึ่งเกิดจากจุดขับเคลื่อนโครงการจีนเชื่อมโลกอย่าง Belt and Road Initiative ที่เชื่อมจากจีนมาถึงเวียงจันทน์แล้วในเวลานี้ ซึ่งเหลือเพียงนิดเดียวจากลาวมาไทย ซึ่งเราจะไปช่วยผลักดันในเรื่องนี้จากมิติการเชื่อมโยงขนส่งทางรางจากจีนมาลาวแล้วมาที่ไทย ซึ่งตอนนี้ไทยเราก็ได้เชื่อมกับมาเลย์เซียแล้วส่งต่อไปยังสิงคโปร์ได้ กับจุดช่องเล็กๆ ที่ยังไม่ได้เชื่อมต่อระหว่างไทยกับลาวนี้หากเราได้ร่วมมือและช่วยกันขับเคลื่อนให้สำเร็จลุล่วง ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นไม่เพียงแค่กับไทย-ลาวเท่านั้น ยังจะขยายไกลไปถึงจีน มาเลย์ฯ และสิงคโปร์ และอาจจะขยายลึกไปถึงรัสเซียรวมถึงไปพม่าถึงอินเดียได้ในอนาคต”

ขณะที่ นางสาวฉวีวรรณ วงศ์ปัญญา รองประธานชมรมผู้ประกอบการขนส่งสินค้า รถ ราง เรือ ลาว กล่าวเสริมว่า การได้มาลงนาม MOU ในครั้งนี้รู้สึกยินดีและเป็นเกียติอย่างมากที่ทางชมรมฯของเราจะได้มีส่วนร่วมกับการผลักดันสู่เป้าหมายความสำเร็จร่วมกันของทุกฝ่าย ซึ่งที่สปป.ลาวอย่างที่เราทราบกันก็เพิ่งมีระบบรางก็ยังไม่ชำนาญการด้านรางส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการขนส่งทางราง ซึ่งจากการร่วมมือนี้จะทำให้ผู้ประกอบการตื่นตัวมากพอสมควร ซึ่งจะเป็นจุดประกายให้มีผู้ประกอบการด้านนี้เพิ่มมากขึ้น และจะเป็นส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหันมาใช้การขนส่งสินค้าทางรางเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นโหมดการขนส่งที่มีค่าขนส่งที่ถูกกว่าโหมดอื่นๆ

การขนส่งรถ ราง เรือ “กระดูกสันหลังภาคขนส่ง”

นางสาวอัสรีย์ เบญจรัตนาภรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดาต้าเกท จำกัด กล่าวว่า ต้องยอมรับทิศทางโลกเปลี่ยนไปเทรนด์พลังงานสะอาดจะเข้ามาทดแทน อย่างเช่นเมื่อก่อนเป็นระบบ LNG แล้วมาเป็น NGV มาและล่าสุด EV และต่อไปจะเป็นไฮโดรเจน เรื่องของขนส่งเป็นเรื่องใหญ่มากในเรื่องโลกมีการเชื่อมต่อกันแล้ว เพราะการเชื่อมต่อย่อมสร้างมูลค่าให้กับประเทศเราในฐานะที่เรามีที่ตั้งที่ดีที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก และระบบ EV จะตอบโจทย์ในหลายๆ ข้อสำหรับผู้ประกอบการบ้านเรา

เมื่อพลังงานมีราคาแพงมากขึ้นค่าขนส่งก็แพงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ขณะที่รถเก่าก็เก่าไปเอามาใช้ก็ไม่ได้ยิ่งองค์กรเล็กมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข่งขันกับเจ้าอื่นรายใหญ่ๆ ได้ลำบาก ซึ่งกลุ่มเล็กๆ นี้เองเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ ส่วนตัวเองมองชมรมฯ รถ ราง เรือ ถ้าไม่ใช่ส่วนกระดูกสันหลังก็เป็นกระดูดซี่โครงของประเทศชาติที่จะมีส่วนช่วยกันผลักดันในเรื่องนี้ เรื่อง EV มีความสำคัญมากที่ควรได้รับการส่งเสริม เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประเทศชาติด้านเชื้อเพลิงในปีๆหนึ่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการขนส่งและสามารถแข่งขันกับเพื่อนบ้านเราได้ ถ้าเราทำก่อนประโยชน์ก็จะเกิดกับประเทศก่อน

ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดาต้าเกท จำกัด  ย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้เราแบ่งความรับผิดชอบกัน ในส่วนของดาต้าเกทจะนำรถต้นแบบมาประกอบ นอกจากนี้ก็จะเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายดำเนินงานโครงการดัดแปลงรถบรรทุกสันดาปเป็นรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า D-EV อีกทั้งยังช่วยเป็นผู้จัดการสถาบันการเงินเข้ามารองรับโครงการฯให้กับสมาชิกชมรมฯ และผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่สนใจ ทว่า เหนือสิ่งอื่นใดทุกอย่างจะสำเร็จลงได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่มีศักยภาพ หากเราสามารถผลิตเองได้ทั้งคันนอกเหนือจากใช้เองในประเทศแล้วยังส่งออกไปขายต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศถือว่ายิ่งใหญ่ ต้องขอขอบคุณที่ทำให้ดาต้าเกทเข้ามาเป็นเกียรติร่วมกันผลักดันในเรื่องนี้กับทุกฝ่าย

ด้านนายชาญณรงค์  เจริญพรหมพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.เอส.เค.อินเตอร์โปรดักส์ จำกัด กล่าวเสริมว่า หากโครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยน้ำมือของพวกเราทุกคน นอกเหนือจากประโยชน์โดยตรงจากค่าใช้จ่ายค่าต้นทุนการขนส่งที่ผู้ประกอบการขนส่งต้องแบกรับแล้ว สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดลดลงแน่ ๆ ก็คือการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ต่อไปคือเรื่องการช่วยลดปัญหามลภาวะต่างๆ ซึ่งผมยินดีและมีความมุ่งมั่นเต็มที่กับการช่วยกันขับเคลื่อนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งกับความสำเร็จร่วมกันกับทุกฝ่ายภายใต้บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายและศักยภาพที่มี

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ