“เอส เอฟ” ชี้ โควิดเป็นเหตุสังเกตได้ ไม่รอหนังฟอร์มยักษ์ จับคอนเทนต์ K-POP, T-POP เสริมรายได้ พร้อมชู 4 โปรเจกต์ ดึงดูดยอดขายตั๋วหนังเพิ่ม ตั้งเป้าทั้งปีรายได้ทะลุ 3 พัน ลบ.

วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2566

“เอส เอฟ” ชี้ โควิดเป็นเหตุสังเกตได้ ไม่รอหนังฟอร์มยักษ์ จับคอนเทนต์ K-POP, T-POP เสริมรายได้ พร้อมชู 4 โปรเจกต์ ดึงดูดยอดขายตั๋วหนังเพิ่ม ตั้งเป้าทั้งปีรายได้ทะลุ 3 พัน ลบ.


นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า จากวิกฤตโควิดที่ผ่านมาทำให้เรามีการปรับตัว ไม่รอหนังฟอร์มยักษ์ แต่มองหาอัลเทอร์เนทีฟคอนเทนต์เข้ามาเพิ่มรายได้ เช่น คอนเทนต์พิเศษจากศิลปิน K-POP, T-POP เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ และเตรียมพบกับ The First Meta Reality Concert in Cinema ประสบการณ์ใหม่ในการรับชมคอนเสิร์ต รวมถึง World Film Festival of Bangkok นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมกับพาร์ตเนอร์ในการส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิง และ Cinematic Experience ผ่านโรงภาพยนตร์พิเศษ และกิจกรรมพิเศษที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี

โดยในปี 2566 นี้ ตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไปรายชื่อภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มีไม่ต่ำกว่า 10 เรื่อง เช่น Spider-Man: Across the Spider-Verse, Transformers: Rise of the Beasts รวมถึงในเวลานี้กับ Fast & Furious X ส่งผลให้ยอดขายตั๋วหนังในไตรมาสสองดีมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสหนึ่งที่ยังไม่ค่อยมีหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉาย ดังนั้นจบปีนี้มองว่าภาพรวมตลาดหนังจะกลับมาที่ 80% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด และในปีหน้าจะกลับมา 100%  ส่วนแผนดำเนินธุรกิจของเอส เอฟ ปี 2566 นี้ จะเน้นรีโนเวตสาขาเป็นหลัก ประกอบด้วย 1. เซ็นทรัล ลาดพร้าว ปรับปรุงใหม่ทุกอย่าง 2. เดอะมอลล์ บางแค รวมใช้งบราว 150 ล้านบาท ส่วนในปี 2567 มีแผนเปิดสาขาใหม่ 5-7 สาขา รวม 40 โรง ลงทุนเฉลี่ย 15-18 ล้านบาทต่อโรง จากปัจจุบันเอสเอฟ เปิดให้บริการอยู่ 66 สาขา รวม 400 โรงทั่วประเทศ

“สถานการณ์ของธุรกิจโรงหนังมองว่าไม่ตกลง ขึ้นอยู่กับรายชื่อหนังเป็นหลัก เห็นได้จากปีก่อน หนังเรื่อง ท็อปกัน มาเวอริค ที่เข้าฉาย ทำรายได้สูงสุดจากผลงานทั้งหมดของทอม ครูซ เป็นต้น ซึ่งเราตั้งเป้าว่าจบปีนี้ เอส เอฟ จะกลับมามีรายได้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากตั๋วหนัง 75-80% และโฆษณากับอื่นๆ อีก 20% หรือคิดเป็น 80% เทียบกับปี 2562 หรือในปีนี้รายได้จากตั๋วหนังน่าจะทำได้ประมาณ 13 ล้านใบ ส่วนปีหน้ามั่นใจว่าจะกลับมาที่ 100% หรือมีรายได้กลับมาที่ 5,000 ล้านบาท เทียบเท่าปี 2562 อีกครั้ง”

ด้านนางสาวพิมสิริ ทองร่มโพธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอสเอฟพร้อมนำเสนอแผน 4 โปรเจกต์ เพื่อกระตุ้นให้คนกลับมาดูหนังในโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย 1.  SUPER SPECIAL CONTENT ประกอบด้วย SF EXCLUSIVE MOVIE, MUSIC IN CINEMA, WORLD FILM FESTIVAL และ LIVE VIEWING AT SF CINEMA 2. SUPER SPECIAL CINEMA ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์ Zigma Cinestadium Presented by C2 จาก 8 สาขา เป็น 20 สาขา ภายในปี 2567, โรงภาพยนตร์ The Bed Cinema by Omazz สาขาใหม่ โรงที่ 3 ที่ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว 3. SUPER SPECIAL PROJECT เช่น กิจกรรม SF x Coke เปิดความซ่าท้าให้ลอง เอาอะไรก็ได้มาใส่ป็อปคอร์น แบบทั่วประเทศ และเตรียมพบกับป็อปคอร์นรสชาติพิเศษ SF x After Yum เร็วๆ นี้ 4. SUPER PLUS ปีนี้มีการปรับโฉมใหม่บัตรสมาชิก SF+ ที่จะมอบสิทธิประโยชน์ให้กับทุกคนมากขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์ “SF+ พวกเราพลัสแล้ว คุณพลัสยัง นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงแพกเกจใหม่ให้สมาชิกสมัครเพื่อรับส่วนลดได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Kids และ Student ดูหนังราคาเริ่มต้นเพียง 69 บาท, ลูกค้ากลุ่ม General รับส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ 30 บาทต่อที่นั่ง และลูกค้ากลุ่ม Senior ดูหนังเริ่มต้นราคา 79 บาท

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ