ณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด ผู้ผลิต แปรรูปและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวแบรนด์อัมพวาและโคโค่แม็กซ์ กล่าวว่า สำหรับเราในฐานะภาคเอกชนตอนนี้เพียงอยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว เพราะเรามีเรื่องที่อยากเสนอให้ทางภาครัฐมาบริหารจัดการ อาทิ ในกรณีข่าวที่เป็นภาพลบของประเทศไทยเกี่ยวกับการให้ลิงเก็บมะพร้าว แต่ยังคงไม่ได้รับการแก้ปัญหาภาพลักษ์ที่เสียตรงนี้จากภาครัฐในการชี้แจงความเป็นจริงในเรื่องดังกล่าวว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นในทุกพื้นที่ของประเทศไทยที่ได้ใช้ลิงมาเก็บมะพร้าว ส่งผลให้อุตสาหกรรมสินค้ามะพร้าวจากประเทศไทยได้ผลกระทบในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรป อีกทั้ง ปัญหาในเรื่องของการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) เพราะตอนนี้ในตลาดโลกไม่ใช่ไทยประเทศเดียวที่ทำผลิตภัณฑ์มะพร้าว ยังมีประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย ที่ได้ฟรีเทรดในหลายประเทศจากยุโรปที่เคยเป็นตลาดใหญ่ของประเทศไทย และผลจากที่ไทยยังไม่มีฟรีเทรด ทำให้ค่าแรงสูงกว่า และแข่งขันกับต่างประเทศลำบากมากขึ้น ซึ่ง 2 ประเด็นดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมสินค้ามะพร้าวจากประเทศไทยค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนประเด็นเรื่องการที่ถ้ามีรัฐบาลใหม่ และมีนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที 450 บาท นั้น สำหรับเราในฐานะผู้ประกอบการต้องบอกว่าคงต้องส่งผลกระทบภาคธุรกิจอยู่แล้ว ดังนั้น เราจึงอยากให้ทางรัฐบาลใหม่ต้องมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจน ปรับเป็นขั้นเป็นตอน ถ้าปรับทันทีเอกชนอาจจะเตรียมตัวกันไม่ทัน และจะส่งผ่านไปยังการปรับราคาสินค้า ซึ่งขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาการปรับขึ้นราคาของกะทิอัมพวา อันเนื่องมาจากสถานการณ์ต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งวัตถุดิบ ราคาพลังงาน ค่าแรง และแพ็กเก็จจิ้ง
ปัจจุบัน เอเซียติคฯ ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์มะพร้าวที่วางจำหน่ายทั้งในไทยและต่างประเทศ หลากหลายประเภท ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว กลุ่มผลิตภัณฑ์มะพร้าว Plant Based สำหรับเครื่องดื่ม-เบเกอรี่-อาหาร กลุ่มขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์แปรรูปมะพร้าวอื่นๆ อีกมากมาย โดยผลิตภัณฑ์หลักที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ประกอบด้วย ‘อัมพวา’ (Ampawa) กะทิ 100% และ ‘โคโค่แม็ก’ (Cocomax) ตลาดน้ำมะพร้าว 100% บรรจุขวด PET ไม่เติมน้ำตาล ไม่แต่งสีและกลิ่นสังเคราะห์ ไม่มีสาร และในปีนี้เรามีการพัฒนาสินค้าใหม่ โคโค่แม็กผสมอัญชัน น้ำมะพร้าวแท้ 100% เพิ่มความสดชื่นจากสีฟ้าธรรมชาติของดอกอัญชัน และเรายังมีผลิตภัณฑ์มะพร้าวแบรนด์อื่นๆที่ขายในต่างประเทศอีก อาทิ เช่น Coco Oriental Drink, Cocoway, Coco และ My Way”เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตเต็มที่ด้วยการเพิ่มสายการผลิต การพัฒนาทั้งในด้านของอินโนเวชั่น เทคโนโลยีรวมไปถึงการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจึงได้พัฒนาสินค้ากลุ่ม Plant Based ที่ใช้วัตถุดิบจากมะพร้าว ชูจุดขายที่ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ ปราศจากคอเรสเตอรอล และไม่มีแลคโตส เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว เจาะกลุ่มผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ หรือกลุ่มวีแกน โดยสินค้าประกอบด้วย โคโค่นัทครีมเมอร์ โคโคนัทวิปปิ้งครีม โคโคนัทบัตเตอร์ มะพร้าวข้นหวาน และซุปจากน้ำมะพร้าว ที่ครอบคลุมการใช้เพื่อปรุงอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้า Food Service และ กลุ่มคนรักสุขภาพที่ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ กลุ่มขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ ภายใต้ชื่อ “โคโค่มันช์” (Cocomunch) ขนมธัญพืชอบกรอบผสมไฟเบอร์มะพร้าวเป็นสแนคทางเลือกเพื่อสุขภาพ
“บริษัทเรานั้นปัจจุบันเติบโตและขยายฐานไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โดยปี 2022 แบ่งสัดส่วนการส่งออกสินค้าประมาณ 60% และในประเทศอีกประมาณ 40% พร้อมผนึกพันธมิตรทางธุรกิจและร้านค้าชั้นนำ ทั้งในไทยและต่างประเทศ วางจำหน่ายครบทุกแพลตฟอร์มทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกแลในประเทศยังคงเท่าเดิมเหมือนปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ราว 4 พันล้านบาท เติบโตอยู่ที่ 35 % ในปีนี้”