"บิ๊กซี รีเทล" เปิดแผนโมเดลธุรกิจควบรวมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่และธุรกิจค้าส่งสร้างการเติบโตแกร่ง เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2566



นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “BRC” กล่าวว่า เราพร้อมที่จะก้าวสู่มิติใหม่ของธุรกิจและการเติบโตอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมภายใต้ชื่อ “บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น” หรือ “BRC” ภายหลังการปรับโครงสร้างบริษัทฯ จะมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับศักยภาพในทุก ๆ ด้าน ให้เป็นผู้นำของภาคธุรกิจการค้าปลีกและค้าส่งทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนโดยปี 2566 มีแผนลงทุนดังนี้ ร้านค้าขนาดใหญ่หรือไฮเปอร์มาร์เกต 1,989 ล้านบาท, ลงทุนขยายร้านค้าขนาดเล็ก 1,692 ล้านบาท, ลงทุนตลาดโอเพนแอร์ 257 ล้านบาท, ลงทุนบิ๊กซีฟู้ดเซอร์วิส 1,130 ล้านบาท, ลงทุนในลาว 398 ล้านบาท, ลงทุนในกัมพูชา 257 ล้านบาท, ลงทุนปรับปรุงตกแต่งร้านค้าใหม่ 2,283 ล้านบาท, ลงทุนธุรกิจค้าส่งและสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิม 481 ล้านบาท, ลงทุนธุรกิจอื่นๆ 160 ล้านบาท, ลงทุนศูนย์กระจายสินค้า 861 ล้านบาท, และอื่นๆ อีก 1,456 ล้านบาท โดยประมาณ  ส่วนปี 2567 แผนลงทุนร้านค้าขนาดใหญ่ 2,486 ล้านบาท, ร้านค้าขนาดเล็ก 1,295 ล้านบาท, ตลาดโอเพนแอร์ 288 ล้านบาท, บิ๊กซีฟู้ดเซอร์วิส 900 ล้านบาท, ลงทุนในลาว 265 ล้านบาท, ลงทุนในกัมพูชา 625 ล้านบาท, ปรับปรุงตกแต่งร้านใหม่ 1,975 ล้านบาท, ธุรกิจค้าส่งและสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิม 402 ล้านบาท, ธุรกิจอื่นๆ 1,717 ล้านบาท, ศูนย์กระจายสินค้า 296 ล้านบาท และอื่นๆ 1,245 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีโมเดลใหม่ที่เพิ่งเริ่มดำเนินการคือ บิ๊กซี เพลซ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ปรับปรุงบิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เกต 2 สาขาเดิม คือที่รัชดาภิเษก กับลำลูกกา คาดว่าจะเปิดบริการได้ประมาณเดือนหน้านี้ นอกจากน้้นมีแผนที่จะปรับปรุงสาขาที่อยู่ในทำเลท่องเที่ยวให้เน้นเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 24 สาขาหลักๆ เช่น สาขาราชดำริ จะเพิ่มอีกหลายสาขารวมเป็น 60 สาขาให้ได้ เนื่องจากปัจจุบันตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มฟื้นตัวกลับมาแล้ว ส่วนตลาดต่างประเทศ อาทิ ในกัมพูชา และลาวนั้น คาดว่าจะลงทุนร้านค้าขนาดใหญ่เฉลี่ย 1-2 สาขาต่อปี ซึ่งยังมีพื้นที่ขยายตัวได้อีกมากสำหรับร้านค้าขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับไทยที่พื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อเปิดสาขาขนาดใหญ่นั้นยากเต็มที โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

จากข้อมูลของ Euromonitor ในระหว่างปี 2556 ถึงปี 2565 ในกลุ่มผู้ค้าปลีกสมัยใหม่สามอันดับแรกในประเทศไทย BRC คือผู้ประกอบธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในกลุ่มซูเปอร์มาร์เกต และมีสถิติการเติบโตสูงสุด ในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ เมื่อพิจารณาจากการเติบโตของส่วนแบ่งทางการตลาด (ซึ่งคำนวณจากรายได้จากการขายปลีก) บิ๊กซีหรือบีอาร์ซี จะพบว่า เป็นผู้นำทางการตลาดไฮเปอร์มาร์เกต อันดับที่สองในกลุ่มร้านค้าขนาดใหญ่ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 18.3% ห่างจากอันดับที่สามมากถึงสองเท่าที่มี 8.7% ส่วนอันดับผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งตลาด 28.2%

ขณะที่ผลประกอบการเติบโต โดยเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 113,100 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มีรายได้รวม 111,107 ล้านบาท และเมื่อปี 2565 มีรายได้รวม 113,573 ล้านบาท เติบโต 2.2% ส่วนไตรมาสแรกปี 2566 มีรายได้รวม 27,433 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วที่ทำได้ 26,676 ล้านบาท สัดส่วนรายได้รวมของบิ๊กซีเมื่อปี 2565 ประกอบไปด้วย ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ สัดส่วน 89% จากธุรกิจค้าส่งสัดส่วน 9% และธุรกิจอื่นๆ สัดส่วน 2%

ล่าสุด BRC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ