'ยันฮี' ประกาศวางงบ 100 ลบ. รีโนเวตโรงพยาบาลใหม่ทั้งหมด เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ลุยธุรกิจ Non-hospital ส่ง "ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์" ย้ำผู้นำตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินในมูลค่า 1.9 พัน ลบ.

วันศุกร์ที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2566

'ยันฮี' ประกาศวางงบ 100 ลบ. รีโนเวตโรงพยาบาลใหม่ทั้งหมด เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ลุยธุรกิจ Non-hospital ส่ง


นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบฟเวอเรจ จำกัด  กล่าวว่า โรงพยาบาลยันฮีเปิดให้บริการมากว่า 38 ปี ซึ่งปัจจุบันถือว่าธุรกิจโรงพยาบาลยังสร้างรายได้หลักให้กับเรามากที่สุด แต่ภายหลังจากเกิดสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา เราได้รับผลกระทบจากวิกฤติดังกล่าว เนื่องจากมีการล็อกดาวน์ทำให้คนไม่สามารถเดินทางเข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลได้เพราะกลัวการติดเชื้อ ส่งผลให้ตอนช่วงโควิดมีผู้ใช้บริการลดลงเหลือ 5% จาก ก่อนโควิดเรามีผู้ใช้บริการซึ่งเป็นชาวต่างชาติ 30% แต่ปัจจุบันพอสถานการณ์กลับมาสู่สภาวะปกติแล้วมีลูกค้าต่างชาติกลับเข้ามาแล้ว 15% โดยส่วนใหญ่มาจากพม่า อาหรับ เวียตนาม กัมพูชา และจีน ส่วนลูกค้าคนไทยกลับมาอยู่ที่ 95 % แล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ช่วงโควิดที่ผ่านมาทำให้ทางเราเห็นว่าจำต้องมีการขยายธุรกิจให้หลากหลาย เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นจากปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้เรากระจายความเสี่ยงจากการสร้างรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ดังนั้นเราจึงต่อยอดธุรกิจโรงพยาบาลไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวชสำอาง สมุนไพร น้ำกัญชา และเครื่องดื่มผสมวิตามิน โดยปีนี้บริษัทได้เปิดตัว ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์ เครื่องดื่มวิตามินผสมแคลเซียมครั้งแรกในไทย เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายอายุตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 90 ปี ซึ่งถือเป็นสินค้าตัวที่ 2 ที่ผลิตและจำหน่ายต่อจากน้ำกัญชา หลังจากร่วมทุนกับ บมจ. โอสถสภา เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก่อตั้งบริษัทขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยโอสถสภาถือหุ้น55% มีหน้าที่กระจายสินค้าและทำตลาด ส่วนยันฮีถือหุ้น 45% มีหน้าที่พัฒนาสินค้าให้สอดรับกับความต้องการในตลาด โดยภายในปีนี้คาดว่าจะผลิตออกมาเพิ่มอีก 2 ตัว ประมาณไตรมาสที่ 4คือ แอลคานิทีน วอเตอร์ ซึ่งตัวนี้ยันฮีทำเอง ส่วนผลิตภัณฑ์อีกตัวจะเป็นการร่วมกับทางโอสถสภา

“ก่อนร่วมทุนกับ โอสถสภา ในช่วงที่ผ่านมาเราได้ผลิตและจำหน่ายน้ำดื่มยันฮี วิตามิน วอเตอร์ มา 4-5 ปี และประสบความสำเร็จมากติด 1 ใน 3 ของตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินที่ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท โดยเฉพาะช่วงเกิดโควิดที่คนไทยหันมาดูแลสุขภาพ แต่หลังจากโควิดเริ่มคลี่คลายยอดขายเริ่มไม่เติบโตเนื่องจากกระจายสินค้าไม่ทั่วถึง ทำให้จับมือโอสถสภาเพื่อให้เป็นผู้ทำตลาดและกระจายสินค้าทั้งในร้านค้าปลีกสมัยใหม่และร้านโชห่วยได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น พร้อมกับร่วมทุนผลิตและจำหน่ายสินค้าร่วมกันผ่านการใช้ชื่อยันฮีออกมาการันตี

สำหรับแผนการทำตลาดนั้นจะใช้เงิน 60 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ และกระจายสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น จากในช่วงแรกผลิตและจำหน่าย 200,000-300,000 ขวดก่อน จากกำลังการผลิตปัจจุบันที่มี 3 ไลน์ หรือ 300 ล้านขวดต่อปี

นพ.สุพจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากนี้ ในส่วนของโรงพยาบาลยันฮีมีแผนบริหารงาน 3 ปี (2565-2567) โดยจะใช้งบกว่า 100 ล้านบาท ในการรีโนเวต และพัฒนาทั้ง 4 ตึกให้ทันสมัย ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี และเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะนำเข้ามาให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจุบันยันฮีได้มีการเปิดศูนย์การแพทย์กว่า 37 ศูนย์ เช่น ศูนย์หัวใจ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ และศูนย์ผู้สูงอายุยันฮี โดยภาพรวมปีนี้มองว่า กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลจะมีรายได้เติบโต 10% จากปีก่อน ปิดที่ 2,000 ล้านบาท

ทางด้าน ทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา กรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ และ บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบฟเวอเรจ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพถือเป็น Global Trend ที่มาแรง ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ต่างให้ความสำคัญเพื่อนำมาซึ่งสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายและใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ จึงทำให้คนหันมามองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สุขภาพคนรุ่นใหม่ ที่มีชีวิตเร่งรีบ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่บริโภคได้ง่าย และหาซื้อได้ทั่วไปเป็นที่นิยม

ทั้งนี้ จึงส่งผลให้ตลาดน้ำดื่มสุขภาพบ้านเราคึกคักเป็นพิเศษ โดยตัวเลขรวมตลาดน้ำดื่มในไทยมีมูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็นหลักๆ 3 Segment ได้แก่ น้ำดื่มธรรมดา, น้ำแร่ และน้ำวิตามินต่างๆ ซึ่งแบรนด์ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ยังคงมีสัดส่วนอยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาดในไทย

โดยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์ จัดอยู่ใน Segment ของน้ำวิตามิน และถือเป็นนวัตกรรมน้ำดื่มแคลเซียมเจ้าแรกในไทย บรรจุในขวดใสสะอาดขนาด 460 ml. วางจำหน่ายแล้วที่ 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ และจะขยายสู่ช่องทาง Modern Trade อื่นๆ รวมถึงจะมีขนาด 350ml. ที่จะวางขายในช่องทางร้านค้าทั่วประเทศเร็วๆ นี้อีกด้วย

สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย เราทำการตลาดอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้ง online และ offline โดยครึ่งปีหลัง จะเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับแคลเซียมผ่านแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนใช้กลยุทธ์ Trial ด้วยการเปิดรับอาสาสมัครให้มาทดลองดื่มยันฮีแคลเซียมวอเตอร์ เพื่อสร้างความคุ้นเคยในตัวสินค้า และวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น

ทั้งยังเป็นการวัด Feedback ของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบ Sampling Activation สร้างการเข้าถึงยังกลุ่มเป้าหมายเพิ่ม ตลอดจนเน้นสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมให้ความรู้และชี้ให้เห็นความสำคัญของแคลเซียม

ล่าสุด เราได้เปิดรับอาสาสมัครที่มีช่วงอายุ 30 - 60 ปี เพื่อมาทดลองดื่มน้ำยันฮีแคลเซียมวอเตอร์ ติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน พร้อมวัดผลค่ามวลกระดูกก่อนและหลังดื่มน้ำแคลเซียมต่อเนื่องทุกวันเพื่อดูผลลัพธ์ สำหรับการเปิดรับอาสาสมัครในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่อยู่ภายใต้ โครงการเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง เราจะเปิดรับอาสาสมัครจำนวน 100 ท่าน ผ่านช่องทางออนไลน์

โดยเปิดรับอาสาสมัคร ตั้งแต่วันที่ 3-17 ส.ค. 66 ที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี โดยเราจะให้อาสาสมัครมาตรวจวัดมวลกระดูกฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่โรงพยาบาลยันฮี หากท่านใดมีค่ามวลกระดูกต่ำกว่ามาตรฐานกำหนด ทางยันฮีวิตามินวอเตอร์จะให้ทดลองดื่มยันฮีน้ำแคลเซียมวอเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน

ทั้งนี้ จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำอย่างใกล้ชิด จากนั้นจึงมาวัดผลค่ามวลกระดูกหลังดื่มน้ำแคลเซียมต่อเนื่องทุกวันเพื่อให้อาสาสมัครทุกท่านได้ทราบถึงค่ามวลกระดูกของตัวเอง และหาทางป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในอนาคต นอกจากนี้ จะให้ทดลองดื่มยันฮีแคลเซียมวอเตอร์จริง ถือเป็นโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองดื่มผลิตภัณฑ์และวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นด้วย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ