สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) หรือ NEDA จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร Press Visit เส้นทางหลวงพระบาง - เวียงจันทน์ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (คพพ.) ทำหน้าที่ประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ สพพ. และ พันเอกศรัณยู วิริยเวชกุล รองผู้อำนวยการ สพพ. นำทีมศึกษาดูงานและเยี่ยมชมโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ ระยะที่ 2 ส่วนที่ 2 (รถไฟไทย-ลาว) หรือสถานีรถไฟเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งเป็นการขยายระบบคมนาคมขนส่งทางรางของ สปป.ลาว ที่เชื่อมต่อจากเส้นทางหนองคาย-ท่านาแล้ง-เวียงจันทน์
นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ NEDA เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ ระยะที่ 2 ส่วนที่ 2 (รถไฟไทย-ลาว) หรือ "สถานีรถไฟเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) สปป.ลาว" เป็นการขยายระบบคมนาคมขนส่งทางรางของ สปป.ลาว ต่อเนื่องจากระยะแรกของเส้นทางหนองคาย -ท่านาแล้ง และเส้นทางท่านาแล้ง – เวียงจันทน์ ระยะที่ 2 ส่วนที่ 1 คือ งานก่อสร้างย่านกองเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (Container Yard) เป็นการสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาทางรถไฟแห่งชาติลาว (National Railway Development Strategy) ที่ต้องการพัฒนาการขนส่งสินค้าในปริมาณมากทางราง เชื่อมโยงระหว่างประเทศไทย กับ สปป.ลาว งานก่อสร้างอาคารสำนักงานกรมรถไฟ และอาคารที่พักเจ้าหน้าที่ ทำให้กรมรถไฟมีความเป็นระบบระเบียบมากขึ้น รองรับการขยายตัวของสำนักงานกรมรถไฟ
สำหรับงานก่อสร้างทางรถไฟสายท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ ระยะที่ 2 ส่วนที่ 2 มีขอบเขตในการพัฒนางานก่อสร้างระบบรางรถไฟหลัก เริ่มจากสถานีท่านาแล้งถึงสถานีเวียงจันทน์ ระยะทาง 7.50 กิโลเมตร งานระบบอาณัติสัญญาณ บ้านพักเจ้าหน้าที่ทางเข้าสถานีเวียงจันทน์ งานจุดตัดทางรถไฟ และงานก่อสร้างสถานีเวียงจันทน์ หรือที่ใช้เรียกกันว่า "สถานีรถไฟเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด สปป.สาว") สถานีรถไฟสายนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมรถไฟ กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.สาว (Lao Railway Authority, Ministry of Public Works and Transport (MPWT) ได้รับเงินกู้สนับสนุนจากรัฐบาลไทยผ่าน NEDA สถานีรถไฟเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) ถูกออกแบบเพื่อขนส่งผู้โดยสารและสินค้าด้วยระบบรางขนาด 1 เมตร
โดยสถานีรถไฟเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) เป็นสถานีรถไฟแห่งที่ 2 ในส้นทางโครงข่ายทางรถไฟไทย-สาว ตั้งอยู่ที่บ้านคำสะหวาด เมืองไซเสดถา ห่างขึ้นไปทางทิศเหนืออยู่ห่างจากท่าบกท่านาแล้งเพียง 7.5 กิโลเมตร และเชื่อโยงถึงกันด้วยรางรถไฟขนาด 1 เมตร ที่มาจากจังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นสถานีรถไฟขนาด 2 ชั้น 2 ชานชาลา โดยชั้น 1 มีพื้นที่ 6,300 ตารางเมตร และชั้น 2 มีพื้นที่ 3,600 ตารางเมตร มีพื้นที่ชานชาลาอีก 3,600 ตารางเมตร ขนาดรางกว้าง 1 เมตร ได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ และพร้อมจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้
“ปัจจุบันกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว ได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว (สฟล.) ร่วมอบรมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ทาง สปป.ลาว ได้คาดการณ์ว่าเมื่อเปิดใช้บริการอย่างเป็นทางการแล้วจะมีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยต่อวันถึง 7,500 คน”
สำหรับการก่อสร้างสถานีรถไฟเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) เริ่มต้นเมื่อปี 2562 ใช้งบประมาณก่อสร้างรวม 994.68 ล้านบาท และคาดว่าพิธีเปิดสถานีรถไฟเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) จะจัดขึ้นในช่วงการประชุมความร่วมมือ "อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง" หรือ ACMECS ครั้งที่ 10 ซึ่ง สปป.ลาว เป็นเจ้าภาพ
"สถานีรถไฟเวียงจันทน์ (บ้านคำสะหวาด) สปป.ลาว" สนับสนุนนโยบายการเชื่อมโยงกันระหว่างประเทศในอนุภูมิภาค (Connectivity) โดยพัฒนาการคมนาคมขนส่งระบบรางเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว (สายกรุงเทพฯ-นครเวียงจันทน์) ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย และ สปป.ลาว
นอกจากนี้ การก่อสร้างทางรถไฟสามารถเชื่อมไปยังประเทศที่สาม ได้แก่ จีนและเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้รับอิทธิพลในการค้าขายกับประเทศที่สามไปด้วย ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้า เกิดการลงทุนต่อเนื่อง และสร้างโอกาสให้ภาคเอกชนไทยไปประกอบธุรกิจใน สปป.ลาว เช่น การรับสัมปทานบริหารจัดการ CY และบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีเวียงจันทน์ พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการจ้างงานและใช้สินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างจากไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทยและชาวสปป.ลาว รวมไปยังประชาชนที่อยู่แถบภูมิภาคนี้ นอกจากจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางการเงินในประเทศแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะในเวลานี้นครหลวงเวียงจันทน์ กลายเป็นเป้าหมายหลักของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ และคึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
นอกจากนี้ นครเวียงจันทน์ได้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในการขนส่ง ทั้งการขนส่งผู้โดยสารภายในประเทศ และการขนส่งสินค้าทางรางด้วยระบบคมนาคมเชื่อมไทย-อาเซียน-จีน รวมถึงโครงการดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงการเดินทางไปยังประเทศจีนผ่านทางรถไฟความเร็วสูง สายเวียงจันทน์ (สปป.ลาว) - บ่อเต็น (จีน) เพื่อรองรับผู้โดยสารเป็นหลัก หรือ เพื่อการขนส่งสินค้าระหว่างเมืองและระหว่างประเทศ นับเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนและการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีระยะเวลาสั้น เพิ่มทางเลือกในการเดินทางการขนส่ง ประหยัดเวลาและค่าโดยสาร เกิดการกระจายรายได้สู่ประชาชนในระดับรากหญ้า
“โครงการดังกล่าว เป็นการสนับสนุนการเชื่อมโยงด้านระบบรางในภูมิภาค และส่งเสริมให้การขนส่งมีความสะดวกมากขึ้นส่งผลให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในเขตพื้นที่โครงการ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของคนไทยและประเทศไทย ในการเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ สร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจและการคมนาคม เพื่อก้าวสู่ความเจริญต่อไป”
ผู้อำนวยการ NEDA กล่าวอีกว่า NEDA ยังเดินทางเยี่ยมชมโครงการท่าบกท่านาแล้ง และเขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์ (Vientiane Logistics Park : VLP) ซึ่งเป็นโครงการเมกกะโปรเจคที่รัฐบาล สปป.ลาว ให้ความสำคัญและผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยการรับรองของ UNESCAP ซึ่งมีแผนที่จะพัฒนาโลจิสติกส์ของ สปป.ลาว ให้มีการขยายตัวทางการค้าและการลงทุน และในอนาคตจะเชื่อมไปยังท่าเรือหวุงอ๋าง จังหวัดฮาติงห์ ประเทศเวียดนาม โดยเป็นการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟจากเวียงจันทน์-ท่าเรือหวุงอ๋าง ระยะทางยาว 555 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2568
ดังนั้น สปป.ลาว จึงได้สนับสนุนในการเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการขนส่งทางบกไปยังประเทศข้างเคียงต่าง ๆ ตามนโยบาย Lao Land Link (LLL) เพื่อประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งด้านศุลกากร รวมถึงการใช้ขนส่งสินค้าผ่านรถไฟลาว-จีน อาทิ สินค้าเกษตร สินค้าประมง สินค้าปศุสัตว์ และสินค้าอื่น ๆ เป็นต้น ทั้งนี้ ในทางกลับกันสินค้าจากประเทศจีนก็จะถูกขนส่งสินค้าลงมายังท่าบกท่านาแล้ง (Thanaleng Dry Port: TDP) เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพื่อกระจายสู่ภูมิภาคอาเซียนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น