นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะยังไม่นับว่าฟื้น 100% แต่“เบอร์เกอร์คิง” ยังจัดโปรโมชั่นและส่งสินค้าใหม่ๆออกมาสู่ตลาดเพื่อสร้างความสนใจให้กับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา และได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดี ส่งผล 6 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ “เบอร์เกอร์คิง” เติบโตเกินกว่าเป้าอยู่ที่ 20 % ซึ่งถือว่าเป็น New High ถึง 2 ครั้งในเดือนเมษายนและเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยการทำ New High คร้งนี้ถือเป็นรายได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์นับตั้งแต่บริหารแบรนด์ในประเทศไทยทีเดียว ส่วนหนึ่งมาจากกะแส เมนู The Real Meat Burger และ ชีสซี่ เลิฟเวอร์ ทำให้ “เบอร์เกอร์คิง” ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆเข้ามาจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับตลาดเบอร์เกอร์ปัจจุบัน “เบอร์เกอร์คิง” กินมาเก็ตแชร์เป็นอันดับ 2 และครองอันดับ 3 ในตลาด QSR
ทั้งนี้ ถ้าพูดถึงสำหรับตลาดไก่ทอด ก็ถือเป็นเซกเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดฟาสต์ฟู้ด หรือ QSR เช่นกัน โดยมีมูลค่ารวมกว่า 25,000 ล้านบาท ใหญ่กว่าตลาดเบอร์เกอร์ถึง 2 เท่า เนื่องจากไก่ทอดถือเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของผู้บริโภคคนไทย ซึ่งตลอดระยะเวลาผ่านมา เบอร์เกอร์คิง ได้รังสรรค์หลากหลายเมนูไก่ทอดซีรีย์ “ชิกเก้นคิง” (Chicken King) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด รวมถึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเชื่อมโยงแบรนด์กับผู้บริโภคให้มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอดหอมเจียว ชิกเก้นคิง หรือ ต้มยำ ชิกเก้นคิง ซึ่งล้วนได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค
ล่าสุดจึงได้เปิดตัว “ไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิง” (HATYAI CHICKEN KING) เมนูไก่ทอดหนังกรอบ เนื้อนุ่ม ละมุน ฉ่ำลิ้น ที่เพิ่มอรรถรสในการรับประทานด้วยความกรุบกรอบของหอมเจียวซิกเนเจอร์ของเบอร์เกอร์คิง โดยผู้บริโภคสามารถเลือกทานได้ตามใจชอบ ทั้งแบบชิ้น ในราคาเริ่มต้นชิ้นละ 49 บาท หรือจะอิ่มจุใจกับ “ชุดไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิง” ไก่ทอดหาดใหญ่ 2 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวหอมมะลิออร์แกนิคร้อน ๆ เสริมความอร่อยด้วยน้ำจิ้มแจ่วสูตรลับแบบฉบับเบอร์เกอร์คิง ที่มาพร้อมกับเครื่องดื่มขนาด 16 ออนซ์ ในราคาสุดคุ้มค่า เพียงชุดละ 129 บาท เท่านั้น
สำหรับ “ไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิง” (HATYAI CHICKEN KING) เป็นเมนูที่นำเอาไก่ทอดอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย มาตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่รักหรือมีความชื่นชอบการรับประทานไก่ทอดให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นตลอดเวลา ภายใต้คอนเซป “อร่อยชัดยันสำเนียง” ซึ่งเป็นการนำเอากิมมิคของภาษาท้องถิ่นหรือภาษาใต้ มาสร้างสีสันและโปรโมทต้นกำเนิดที่มาของเมนูดังกล่าว ซึ่งเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนท้องถิ่น โดยเชื่อมั่นว่าเมนูไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิงจะได้รับเสียงตอบรับที่ดี สามารถกระตุ้นยอดขาย และขยายฐานผู้บริโภคของเบอร์เกอร์คิงในวงกว้างได้มากขึ้น ซึ่งพร้อมให้บริการที่ร้านเบอร์เกอร์คิงทุกสาขาทั่วประเทศ ยกเว้น สาขาท่าอากาศยาน และสาขาในจังหวัดท่องเที่ยว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“เรามองว่าเศรษฐกิจภาพรวมยังไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าที่ควร ประกอบกับนักท่องเที่ยวก็ยังกลับมาไม่ 100% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ดังนั้นเรามองว่า เราควรหันมาโฟกัสทำตลาดโลคอลภายในประเทศดีกว่า เราจึงจะออกเมนูเพื่อเข้าถึงลูกค้าคนไทยมากขึ้น การเพิ่มเมนูโลคอลอย่างไก่ทอด โจ๊ก ข้าว เป็นต้น ในการพยายามผสมผสานความเป็นไทยเพื่อขยาย New User คนไทย จากปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 80% ซึ่งแบรนด์มีแผนที่จะเพิ่มโลคอลเมนูเกือบทุกเดือน และวางเป้าเพิ่มยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่ส่วนขอเบอร์เกอร์ให้เป็น 10% ในอนาคต จากปัจจุบันยอดขายจากเบอร์เกอร์คิดเป็น 70 % ของรายได้รวมบริษัท”
ผู้บริหารหนุ่ม กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเรามีสาขา 123 สาขาครอบคลุม 20 จังหวัดเปิดสาขาใหม่เฉลี่ยปีละ 10 สาขา ซึ่งปีนี้เราเปิดไปแล้ว 4 สาขาและในไตรมาสที่ 4 จะเปิดเพิ่มอีก 6 สาขาในโซนที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งในพัทยา ภูเก็ตและในกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันยังกระตุ้นยอดฝั่งเดลิเวอรี่ที่แม้จะยังอยู่ในเทรนด์แต่ก็ต้องยอมรับว่ากระแสอาจลดลงมาบ้าง แต่เบอร์เกอร์คิงมีหลายกลยุทธ์ในการสร้างยอดขายในช่องทางเดลิเวอรี่ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ราว 30 % นั่งทานที่ร้านอยู่ที่ 30 % กลับบ้านอยู่ที่ 30 % และ ไดร์ฟ ทรู อยู่ที่ 10 %