การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นเบื้องต้นจากภาคเอกชน ภายใต้โครงการการประเมินความสนใจของนักลงทุน (Market Soundine) ในการพัฒนาพื้นที่ในเขตทางพิเศษที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์โดยมีนักลงทุน นักธุรกิจ และผู้ประกอบการจำนวนมาก มารับฟังข้อมูลรายละเอียดของพื้นที่ที่มีศักยภาพ รวมทั้งร่วมเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเช่าพื้นที่ การร่วมลงทุน และโอกาสการทำธุรกิจต่างๆ โดยมีผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน มาตอบคำถามข้อสงสัยจากนักลงทุน

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ) เปิดเผยว่า กทพ.มีพื้นที่ใต้ทางพิเศษที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แต่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ ทั้งแปลงพื้นที่ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 25 พื้นที่ ได้แก่ 

1.กลุ่มพื้นที่ศักยภาพในเมือง เช่น ทางพิเศษศรีรัช มีพิกัดถนนสีลมและสำนักงานอโศก,ทางพิเศษเฉลิมมหานคร พิกัดถนนเพลินจิต,ทางพิเศษฉลองรัช พิกัดปากซอยวัชรพล เป็นต้น 

2.กลุ่มพื้นที่ศักยภาพชานเมือง  เช่น ทางพิเศษอุดรรัถยา  พิกัดพื้นที่ศรีสมาน , ทางพิเศษฉลองรัช  พิกัด : จตุโชติ-วงแหวนรอบนอก เป็นต้น 

3.กลุ่มพื้นที่เตรียมพร้อมรองรับสู่การติดตั้ง  EV STATION  เช่น ทางพิเศษศรีรัช พิกัดพระราม 6 ซอย 20 พิกัดหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางรามคำแหง และพิกัด งามวงศ์วาน 21,ทางพิเศษศรีรัช พิกัด พระราม 9 - อโศก,ทางพิเศษเฉลิมมหานคร พิกัดจุดกลับรถเซ็นทรัลพระราม 3 เป็นต้น

ทั้งนี้ กทพ.จะนำร่องเปิดประมูลบนพื้นที่บริเวณในเมือง จำนวน 17 แห่ง ที่มีศักยภาพก่อน เช่นสีลม,เพลินจิต,วัชรพล,อโศก ฯลฯ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเปิดประมูลได้ภายในปี 2567 โดยใช้รูปแบบการลงทุนมีหลายรูปแบบ เช่น การเปิดประมูลเช่าพื้นที่ สัญญาสัมปทาน 3 ปี ,การเปิดประมูลในรูปแบบ PPP สัญญาณสัมปทาน5-20 ปี ระยะเวลาการคืนทุน 3-4 ปี

“กทพ.จะนำร่องก่อน 25 พื้นที่ ขนาดพื้นที่รวม 338.61 ไร่ มีพื้นที่จำนวน 1,144 แปลง คาดว่าจะสามารถทยอยประกาศเชิญชวนได้ในไตรมาส 3/ 2567 จำนวน 17 แห่ง ส่วนอีกจำนวน 8 แห่ง มีพื้นที่ จำนวน 614 แปลง ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2570”

ส่วนเงื่อนไขในการทำธุรกิจหรือพัฒนาพื้นที่ เช่น สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างแบบชั่วคราวและถาวรได้ แต่ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ กทพ.และไม่ทำให้โครงสร้างของ กทพ.เสียหาย, รูปแบบการพัฒนาพื้นที่ ห้ามใช้พื้นที่ในลักษณะอันตรายหรือมีผลกระทบต่อโครงสร้างของทางพิเศษหรือกระทบกับผู้ใช้ทางพิเศษ รวมทั้งต้องไม่ทำธุรกิจประเภทสถานีบริการน้ำมัน ปั๊มแก๊ส ผับ บาร์ หรือกิจการผิดกฎหมาย

“หลังการรับฟังความคิดเห็นจากนักลงทุนแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ปีก็จะเริ่มเปิดประมูล ส่วนหลักเกณฑ์การร่วมลงทุน จะมีการพิจารณาเป็นรายโครงการ ทุกฝ่ายต้องได้ผลประโยชน์ win-win และกทพ.จะประกาศหลักเกณฑ์ให้ผู้ลงทุนที่สนใจรับทราบต่อไป  โดยรูปแบบการคัดเลือกผู้ลงทุนจะเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม”