“กรมการค้าต่างประเทศ” นำทีมนักวิชาการด้านสิทธิประโยชน์ทางการค้าบุกแดนมหานคร เพื่อต่อยอดและขยายโอกาสธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศอย่างก้าวกระโดด

วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2566

“กรมการค้าต่างประเทศ” นำทีมนักวิชาการด้านสิทธิประโยชน์ทางการค้าบุกแดนมหานคร เพื่อต่อยอดและขยายโอกาสธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศอย่างก้าวกระโดด


กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่กับการจัดกิจกรรมโครงการส่งเสริม SME ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล เรื่อง “สิทธิประโยชน์ทางการค้า…ตัวช่วยสร้างแต้มต่อ SME ไทย สู่ตลาดการค้าต่างประเทศ” โดยการสัมมนาในรูปแบบ on-site และ online เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ โรงเเรมโซ เเบงคอก กรุงเทพมหานคร โดยมี นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดโครงการ

กิจกรรมภายในงาน แบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน ช่วงเช้าเป็นการเสวนา หัวข้อ “สิทธิประโยชน์ล้ำค่า...ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) 14 ฉบับ” และในช่วงบ่ายเป็นการบรรยาย หัวข้อ “เรื่องสำคัญที่ต้องรู้...ควบคู่การส่งออก” โดยจะแบ่งออกเป็น 2 เรื่อง คือ (1) การขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (2) การตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิดและการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง

นายรณรงค์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการทำความตกลงการค้าเสรีหรือ FTA ทั้งสิ้น 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศคู่ค้าทั้งในรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคี เช่น ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – จีน (ACFTA) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – อินเดีย (AIFTA) ความตกลงการค้าเสรีไทย – ออสเตรเลีย (TAFTA) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน – ญี่ปุ่น (JTEPA) รวมถึงความตกลงน้องใหม่อย่าง RCEP หรือ Regional Comprehensive Economic Partnership ซึ่งไทยได้เริ่มประกาศใช้ตั้งแต่ต้นปี 2565 และปัจจุบัน ได้มีการบังคับใช้เต็มรูปแบบกับประเทศสมาชิกทั้งหมด 15 ประเทศแล้ว เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา

กรมการค้าต่างประเทศ เป็นหน่วยงานเดียวที่เป็นผู้ดูแลและออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อให้ผู้ส่งออกได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรจากความตกลงการค้าเสรีได้ เพราะถ้าหากท่านส่งออกสินค้าโดยไม่มีหนังสือรับรองว่าสินค้าของท่านเป็นสินค้าสัญชาติไทย หรือเป็นสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศไทย ท่านก็จะต้องจ่ายภาษีนำเข้า ณ ประเทศปลายทางเต็มจำนวน

ทั้งนี้ เนื่องจากองค์ความรู้ด้านการค้าต่างประเทศในเรื่องของสิทธิประโยชน์ทางการค้ามีลักษณะที่จำเพาะและค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละความตกลงการค้าเสรี ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ถึงกระบวนการเชิงลึกให้ครอบคลุมทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่ความรู้เกี่ยวกับสิทธิพิเศษทางภาษี FTA ต่างๆ*กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า การคำนวณต้นทุนและตรวจรับรองคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิด การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (Self*-*Certification) ตลอดจนวิธีการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า

นายรณรงค์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดสัมมนาในวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ส่งออกทุกท่าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดส่งออก ตลอดทั้ง SME และStartup รวมถึงผู้สนใจทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการทำความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกไทยได้รับสิทธิพิเศษในการลดหรือยกเว้นภาษีศุลกากรขาเข้าจากประเทศคู่ค้า จึงเป็นการช่วยลดต้นทุน สร้างแต้มต่อทางการค้า และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้

โครงการนี้นับเป็นอีกโครงการที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดและขยายโอกาสธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศด้วย “สิทธิประโยชน์ทางการค้า” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการทุกท่านได้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การค้าโลก อีกทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถติดตามความเคลื่อนไหวโครงการอื่นตลอดจนองค์ความรู้ด้านการค้าสู่ตลาดต่างประเทศ ได้ที่ FACEBOOK : กรมการค้าต่างประเทศ DFT หรือเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ