TBEC ผุดก๊าซชีวภาพใหญ่สุด เฟส 2

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

TBEC ผุดก๊าซชีวภาพใหญ่สุด เฟส 2


บริษัท ไทย ไบโอแก๊ส เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (TBEC) ได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่ปี 2551 โดยได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 10 ล้าน บาท เพื่อนำน้ำเสียจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม มาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ โดยปัจจุบันระบบดังกล่าวสามารถรองรับน้ำเสียได้วันละประมาณ 23,334 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือปีละประมาณ 7 ล้านบาทลูกบาศก์เมตร ซึ่งนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 14.6 ล้านหน่วยจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มมาผลิตก๊าซชีวภาพของ TBEC ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงินลงทุน 157 ล้านบาท มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 2.8 เมกะวัตต์ ซึ่ง TBEC ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียโรงงานอุตสาหกรรม
นายผจญ ศรีบุญเรือง เจ้าหน้าที่ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไทย ไบโอแก๊ส เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (TBEC) เปิดเผย "สยามธุรกิจ" ว่า หลังจาก ประสบความสำเร็จในเฟสแรก ทาง TBEC จึงมีแผนขยายโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเฟส 2 วงเงินลงทุน 190 ล้านบาท กำลังการผลิต 4.2 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตประกอบ กิจการโรงงาน (รง.4) คาดว่าประมาณปลายปีนี้จะเริ่มก่อสร้างได้ กำหนดแล้วเสร็จจ่ายไฟเข้าระบบภาย ในปี 2558
"การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียโรง สกัดน้ำมันปาล์มทั้งสองโครงการจะมีการผลิตกระแส ไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้ กฟภ. รวม 7 เมกะวัตต์ นับเป็นการผลิตไฟจากน้ำเสียโรงสกัดปาล์มที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย"
ด้านนายเสมอใจ ศุขสุเมฆ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน พลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพมีกำลังการผลิตทั้งประเทศประมาณ 300 เมกะวัตต์ ขณะที่ได้ ตั้งเป้าหมายสูงถึง 600 เมกะวัตต์ ในปี 2564 ซึ่งถือว่ายังต่ำกว่าเป้าหมาย จึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มเงินสนับสนุนเป็นระบบ ฟีดอินทารีฟระยะยาวตลอดอายุโครงการ 20 ปี และอาจใช้ระบบโซนนิ่งให้อัตราเงินสนับสนุนค่าไฟฟ้าที่แตกต่างกับตาม ระดับความยากง่ายในการผลิตแต่ละพื้นที่ด้วย
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการพึ่งพาการ นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและพลังงานชนิดอื่น ช่วยกระจายความเสี่ยงในการจัดหาเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้า และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ ในปี 2564 ความต้องการพลังงานในอนาคต ของประเทศจะเพิ่มขึ้น 99,838 ktoe จากปัจจุบัน 71,728 Ktoe โดยแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกให้ได้ 25% ใน 10 ปี (พ.ศ.2555-2564) หรือแผน AEDP กำหนดให้มีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 7,413 ktoe เพิ่มเป็น 25,000 ktoe ในปี 2564 หรือคิดเป็น 25% ของการใช้พลังงานรวม
ในการส่งเสริมการผลิตและการใช้ก๊าซชีวภาพ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วม ในการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนอย่างกว้าง ขวาง ด้วยการสนันสนุนการผลิตก๊าซชีวภาพในระดับครัวเรือน การส่งเสริมให้งานวิจัยเป็นเครื่อง มือในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนแบบครบวงจร อาทิ วิจัยและพัฒนาผลิตก๊าซชีวภาพจากของเสียผสม (Co-Digestion) โดย เฉพาะการนำชีวมวลบางประเภทหรือพืชพลังงาน มาหมักผสมกับมูลสัตว์ พัฒนาการใช้ก๊าซชีวภาพ เพื่อการคมนาคมขนส่ง (CBG) ให้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ