_1.jpg)
นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า อัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมของไทยที่แข็งแกร่งต่อเนื่องมาถึง 10 ปี โดยเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 ของประเทศ โดยต่อปีมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท แต่สำหรับภาพรวมสถานการณ์อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับภายในประเทศปีนี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นปีที่ได้รับผลกระทบแบบจริง ๆ จากเหตุการณ์โควิดเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากไม่มีนโยบายแคมปแปญ หรือแพคแกจ อะไรจากทางภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้เหมือนช่วงโควิดที่ผ่านมา ซึ่งคนรวยก็ได้ทำงานช้อปปิ้งใช้เงินกันไปจำนวนมากแล้วในช่วงโควิด จนมาปีนี้ก็มีการชะลอในการช้อปปิ้งลง ประกอบกับเศรษฐกิจโลกโดยรวมก็ชะลอตัวด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงส่งผลให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับปีนี้ตกหนักสุดในรอบ 10 ปี โดยคาดการณ์ว่าตัวเลขการส่งออกปีนี้ตัวเลขก็น่าจะอยู่ใกล้เคียงปีที่แล้ว
นอกจากสาเหตุดังกล่าวตามข้างต้นที่กล่าวมาแล้วนั้นที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยประสบปัญหาแล้วนั้น ยังเกิดมาจากการที่ทางภาครัฐไปทำการจัดงานแสดงสินค้าเอง โดยมีข้อจำกัดมากมายในการให้ทางเอกชนจัด ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตขึ้นเท่าไหร่นัก จึงอยากเสนอให้ทางภาครัฐให้กลับมาช่วยส่งเสริมตลาดอัญมณีเครื่องประดับไทยให้เติบโตมากขึ้น ด้วยการให้ทางเอกชนกลับมาเป็นผู้จัดงานแฟร์ขึ้นเองเพราะมีความรู้และเข้าใจตลาด รวมทั้งคู่แข่งได้ดีกว่า และอยากให้ปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ เพราะขณะนี้มีการคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งหากมีการขายเก็งกำไรต่อก็จะมีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ด้วยทุกครั้ง ทำให้ราคายิ่งสูงขึ้นและธุรกิจเดินต่อไม่ได้ อีกทั้ง ปัจจุบันนี้เรามีตลาดคู่แข่งในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น อาทิ ประเทศ จีน อินเดีย ฮ่องกง เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากสำหรับการส่งออกของประเทศไทย
สมชาย กล่าวต่อว่า ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมของไทยที่แข็งแกร่งต่อเนื่องมายาวนาน เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 ของประเทศ นอกจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจแล้ว ลักษณะของอุตสาหกรรมยังมีความซับซ้อน เป็นการผสมผสานของศาสตร์และศิลป์ที่ยากต่อการสร้างเป็นอัลกอริทึม จึงทำให้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบ Automation ไม่สามารถมาทดแทนได้ อุตสาหกรรมนี้จึงเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับอนาคตของเศรษฐกิจไทยฉะนั้นจึงอยากให้รัฐบาลมีการส่งเสริมให้คนเข้าถึงอาชีพนี้อย่างน้อย 30% เช่นเดียวกับประเทศอินเดียที่ขณะนี้ส่งออกมากถึงปีละ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมองว่าหากรัฐบาลไม่เร่งส่งเสริมอาจจะล้มหายตายจากเหมือนกับบางอุตสาหกรรรมที่ย้ายฐานผลิตไปประเทศจีน”.
ขณะเดียวกัน เรื่องแรงงานที่ปัจจุบันตลาดขาดแคลนถึงปีละ 10,000 คน ส่งผลให้ผู้ประกอบการขยายตลาดไม่ได้ จึงอยากขอให้ภาครัฐปรับกฎเกณฑ์ให้แรงงานต่างชาติสามารถเข้ามาทำงานในกลุ่มอัญมณีเครื่องประดับได้ จากเดิมที่ต้องเป็นช่างฝีมือคนไทย 100% โดยอาจแบ่งสัดส่วนว่าเป็นแรงงานต่างชาติได้จำนวนเท่าไหร่ เพราะปัจจุบันอัญมณีเครื่องประดับมีบางส่วนที่ใช้เครื่องจักรแล้ว สุดท้ายอยากผลักดันการศึกษาเรื่องอัญมณีเครื่องประดับไทยให้อยู่ในบทเรียนตั้งแต่ชั้นประถม

ดังนั้น ทางสมาพันธ์ฯ และสมาคมฯ จึงเล็งเห็นโอกาที่จะตอกย้ำความแข็งแกร่งและภาพภาพลักษณ์นี้ผ่านการจัดงาน “เทศกาลซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย Thailand Gems & Jewelry Fair” 2024 ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 21 - 25 กุมภาพันธ์ 2567 โดยเป็นการจัดงานแสดงสินค้าเพื่อผู้ประกอบการในการเจรจาซื้อขายสินค้าในเชิงธุรกิจอย่างแท้จริง รวมถึงเป็นการตอกย้ำแนวคิดการสร้าง Soft Power “พลอยไทย” ขยายความนิยมสู่นักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไปในระดับนานาชาติ พร้อมสร้างโอกาสให้คู่ค้าและผู้คนทั่วโลกได้ซื้อพลอยสีที่คุณภาพดีที่สุดโดยตรงจากผู้ผลิตในไทย
“สำหรับคาดการณ์ในงานครั้งนี้ จะทำให้เกิดการส่งออกไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท และส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีไทยและเครื่องประดับให้เป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญในการสร้างอนาคตของไทยให้เข้มแข็ง ให้คนไทยได้มีอาชีพที่มั่นคงในยุคเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี และการที่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่เป็นลักษณะของอุตสาหกรรมยังมีความซับซ้อนอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นจะเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ต้องอาศัยกลยุทธ์เพื่อต้านกระแสการ disruption ซึ่งทางสมาพันธ์ฯ และ สมาคมฯ ได้นำเสนอกลยุทธ์ที่จะทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตไปได้อย่างมั่นคงและช่วยรัฐประหยัดงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน ด้วยการผลักดันและส่งเสริมภาคเอกชนในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่มีความชำนาญและรู้จริงในตลาดเป็นหัวหอกในการแข่งขัน โดยภาครัฐทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนนั่นเอง”
ด้าน นายชมพล พรจินดารักษ์ อุปนายก 1 สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ และ ประธานบริหารโครงการ Thailand Gems and Jewelry Fair กล่าวเสริมว่า “เนื่องจากกระแสตอบรับที่ดีจากการจัดงานในหลาย ๆ ปีที่ผ่าน เราจึงมีความมุ่งมั่นที่จะต่อยอดความสำเร็จด้วยการเตรียมพร้อมจัดงาน “เทศกาลซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย Thailand Gems & Jewelry Fair 2024” โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรุงเทพมหานคร และชมรมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับมาตรฐาน ซึ่งผู้เข้าร่วมชมงานจะได้พบกับ 5 โซนที่เป็นที่สุดแห่งความหรูหรา ได้แก่ โซนการค้าพลอยสี, โซนการค้าเพชร, เครื่องประดับทอง, เครื่องประดับเงิน และเครื่องมือ อุปกรณ์การผลิต อีกทั้งยังได้พบกับผู้ผลิตโดยตรงจากนานาประเทศที่จะทำให้งานนี้ตอบครบทุกโจทย์ที่คุณมองหา นอกจากนี้ ยังถือเป็นโอกาสพิเศษที่ทุกคนจะได้ซื้ออัญมณีและเครื่องประดับโดยตรงจากผู้ผลิตชั้นนำของโลก และซื้อได้อย่างมั่นใจ โดยผู้จัดแสดงสินค้าทุกบริษัทได้รับการรับรองจากสมาคมฯ และยังสามารถเข้าชมงานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป ตอบโจทย์ทุกความต้องการไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับแต่งงาน ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อการลงทุน หรือต้องการเข้าสู่ธุรกิจ” นายชมพล กล่าว ทิ้งท้าย