น.ส.วนิศา ดวงจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบแบรี่ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ายีนส์แบแบรี่ (bearbeary) กล่าวว่า แผนงานในปี67 บริษัทจะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีนี้อีก 1 เท่าตัว เพื่อพัฒนาเสื้อผ้ายีนส์ที่เน้นเรื่องนวัตกรรม รวมทั้งออกสินค้าใหม่ทุกเทศกาล เดือนละ 8 รุ่น และเน้นสินค้าด้านความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นถึง 50% เนื่องจากมองว่าเป็นเทรนด์โลก และช่วยประหยัดทรัพยากรโลกจากกระบวนการผลิตวัตถุดิบรักษ์โลก สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันที่หันมาใส่ใจในเรื่องนี้

“เราถือเป็นแบรนด์สินค้ายีนส์อันดับต้นๆที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งมองว่าจะเริ่มจากจุดเล็กๆแล้วเพิ่มจำนวนมากขึ้นเพื่อทำให้แบรนด์มีความเป็นพรีเมี่ยม โดยที่ราคาสินค้ารักษ์โลกจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท จากสินค้าปกติราคา 1,800 บาท”

ขณะเดียวกันจะผลิตสินค้าให้มีความเป็นฟาสต์แฟชั่นหรือสินค้าขายออกเร็วตามเทรนด์ และไม่รัดรูปโดยเริ่มเน้นจับกลุ่มเป้าหมายเด็กลงตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไปหรือนักศึกษา จากกลุ่มเป้าหมายเดิมอายุ 25 ปีขึ้นไปถึง 60 ปี ตั้งเป้าหมายปีหน้าขึ้นเป็นแบรนด์ที่ติด 1 ใน 5 ในศูนย์การค้า จาก 1 ใน 10 ที่ปัจจุบันมีจำนวนให้ห้างเซ็นทรัลและโรบินสันรวมทั้งหมด 23 สาขา จากปีนี้ที่เปิดเพิ่ม 10 สาขา

“ความสำเร็จของ Bearbeary ในปีนี้พบว่า หลังจากทำตลาดมากขึ้น ตอนนี้ยอดขายเติบโตขึ้นมากๆ หลังจากผ่านโควิคมา โดยได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอด อีกทั้งการบอกต่อแบบปากต่อปาก เป็นผลให้ Bearbeary เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งลูกค้าที่ซื้อ จะเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ สังเกตจากยอดซื้อต่อต่อบิลจะมีตั้งแต่ 8,000 -10,000 บาทขึ้นไป”