นายวัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการดำเนินงานโดยสรุปของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สำหรับปี 2566 ทีผ่านมายอดหน่วยที่อยู่อาศัยจดทะเบียนที่สร้างโดยผู้ประกอบการโซน กทม. และปริมณฑล (อ้างอิง REIC) รวม 52,715 หน่วย ดิ่ง 17.1% (yoy) โดยกลุ่มคอนโดเหลือ 21,177 หน่วย ติดลบ 47.9% ส่วนแนวราบอยู่ที่ 31,538 หน่วย โต 37.4% ฟากจำนวนซัพพลายที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ใน กทม. และปริมณฑล (อ้างอิง AREA) ช่วง 11 เดือนแรก ของปี 2566 รวม 95,527 หน่วย ลดลง 7.1% (yoy) “ลดลงทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม” ดังนี้ แนวราบ 47,738 หน่วย ลดลง 4% บ้านเดี่ยวและบ้ายแฝด 27,296 หน่วย เพิ่ม 17.3% , บ้านทาวน์เฮ้าส์และ อาคารพาณิชย์ 20,442 หน่วย ลดลง 22.7% คอนโด 47,789 หน่วย ลดลง 9.9%
“ปีที่แล้วคาดหวังว่าไตรมาส 4 ปี 2566 ตลาดจะกระเตื้องขึ้น จากการเข้ามาของรัฐบาลใหม่ แต่ด้วยระยะเวลาการบริหารของรัฐบาลที่สั้นจึงยังทำอะไรได้ไม่มาก ภาพรวมซัพพลายลดลงจากตลาดทาวน์เฮ้าส์ 23% และตลาดคอนโด 10% ส่วนบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โต 17.3% ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของบริษัทฯ เผชิญการแข่งขันสูงขึ้นจากซัพพลายตั้งแต่ปี 2565”
ทั้งนี้ ด้วยสภาวะตลาดอสังหาและจำนวนโครงการที่มีอยู่ในมือที่ยังมากพอ ทำให้ปี 2567 บริษัทฯ จะเปิดตัวโครงการรวม 11 โครงการ มูลค่า 30,200 ล้านบาท ลดลง 30% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่เปิดตัว 17 โครงการ มูลค่า 48,460 ล้านบาท ซึ่งยอดเปิดตัวสูง มาจากปีก่อนได้ปรับการเปิดตัวคอนโด “วันเวลา ณ เจ้าพระยา” มูลค่า 15,000 ล้านบาท แทนคอนโดศรีนครินทร์ที่มีมูลค่า 6,500 ล้านบาท ช่วงไตรมาส 4
“ปี 2567 บริษัทฯ โฟกัสโครงการแนวราบทั้งหมด 11 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว และมี 1 โครงการเป็นบ้านเดี่ยวผสมทาวน์เฮ้าส์ ส่งผลให้ในสิ้นปีนี้บริษัทฯ มีโครงการดำเนินการ 84 โครงการ มูลค่า 98,550 ล้านบาท และประมาณราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเท่ากับ 9.4 ล้านบาท“
นายโชคชัย วลิตวรางค์กูร กรรมการผู้จัดการสายปฏิบัติงาน โครงการอาคารชุด บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียม คาดฟื้นตัวบางกลุ่มระดับราคา (เซ็กเมนต์) ฟื้นตัว และดีในบางทำเล โดยเฉพาะคอนโดระดับบน โซนริมแม่น้ำ จึงทำให้ช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทฯ เปิดตัวโครงการ วันเวลา ณ เจ้าพระยา มูลค่า 16,000 ล้านบาท แทนโครงการคอนโดย่านศรีนครินทร์ ซึ่งได้รับผลตอบรับดี ทำยอดขายได้ 5,000 ล้านบาท คิดเป็น 35% ของมูลค่าโครงการ ส่งผลให้ปิดปีฝั่งคอนโดทำยอดขายได้ 6,200 ล้านบาท โต 176% (yoy)
อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดคอนโดยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ประกอบกับบริษัทฯ มีคอนโดพร้อมขายในมือรวม 7 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท ในปีนี้จะ “ไม่มีการเปิดตัวคอนโด เน้นขายโครงการเดิมที่มีอยู่” โดยตั้งเป้ายอดขายคอนโด ปี 2567 ไว้ที่ 5,500 ล้านบาท และยอดโอน 2,000 ล้านบาท ส่วนภาพรวมทั้งบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย 31,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากการโอนกรรทสิทธิ์ 28,000 ล้านบาท ด้านรายได้จากอสังหาเพื่อเช่า 8,540 ล้านบาท
นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจอสังหาเพื่อเช่าขยายตัวได้ดี ปี 2566 ธุรกิจโรงแรมโต 70% และศูนย์การค้าโต 100% จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมา บริษัทฯ ได้ลงทุนในอสังหาเพื่อเช่าผ่าน LHMH และ LH USA จำนวน 2,870 ล้านบาท ดังนี้ โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ 920 ล้านบาทโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ ลุมพินี 870 ล้านบาท , โรงแรมและอพาร์ตเมนต์ 1,080 ล้านบาท รวมถึงลงทุนเพิ่มในกองทรัสต์ LHHOTEL มูลค่า 1,952 ล้านบาท ดันสัดส่วนลงทุนเพิ่มเป็น 26.17% จากเดิม 14.73% ซึ่งบริษัทฯ ได้ยีลด์จากการลงทุนเฉลี่ย 10% ต่อปี
ขณะที่ ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขาย โรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ พัทยา และแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ สเคป พัทยา ในกับ กองทรัสต์ LHHOTEL มูลค่า 9,400 ล้านบาท มีกำไรก่อนภาษี 2,500 ล้ายบาทในไตรมาส 4 ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในงบกำไรขาดทุนปี 2567-2575
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมออกหุ้นกู้ 16,000 ล้านบาท เพิ่มในปี 2567 และเตรียมงบลงทุน 11,500 ล้านบาท แบ่งเป็น งบซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่วางงบไว้ 6,100 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนส่วนอสังหาเพื่อเช่ามากขึ้น และ งบลงทุนอสังหาเพื่อเช่า 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 4,000 ล้านบาท พัฒนา 3 โรงแรม คือ แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ลุมพินี ราชดำริ และพัทยา 3 ส่วนอีก 2,500 ล้านบาท ลงทุนโรงแรมในแอลเอ ประเทศสหรัฐอเมริกา
