‘ASW’ ชี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 67 แนวโน้มปรับตัวตามจีดีพี เผยแผนปีนี้ จ่อโอนบ้าน-คอนโดฯ ใหม่อีก 10 โครงการรวมมูลค่า 19,307 ลบ.

วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2567

‘ASW’ ชี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 67 แนวโน้มปรับตัวตามจีดีพี เผยแผนปีนี้ จ่อโอนบ้าน-คอนโดฯ ใหม่อีก 10 โครงการรวมมูลค่า 19,307 ลบ.


บมจ. แอสเซทไวส์’ หรือ ASW ปักธงความสำเร็จ สร้างปรากฎการณ์ New High ทุบสถิติใหม่กวาดยอดขายปี 66 สูงถึง 16,486 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโตกว่า 16% จากปีก่อน ชี้ปี 2566 เป็นปีทองมีโครงการสร้างเสร็จทยอยโอนกรรมสิทธิ์ถึง 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 14,530 ล้านบาท ส่วนปี 2567 วางแผนโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่จะสร้างเสร็จอีก 10 โครงการ หนุนรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง มองภาครัฐต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีผู้ซื้อบ้านช่วยกระตุ้นตลาด

นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 เป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมมีปัจจัยเสี่ยงทั้งภายใน และภายนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สอดคล้องกับกำลังซื้อผู้บริโภคที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน ทั้งคอนโดฯ สำหรับคนทำงานในเมือง ที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และตลาดคอนโดฯ รอบสถานศึกษา ที่มีความต้องการสูงทั้งในกลุ่มนักศึกษา ผู้ปกครอง รวมถึงกลุ่มคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และบริหารเงินด้วยการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อรับผลตอบแทนในระยะยาวในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และการกลับมาของตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติในหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ เพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง ดังนั้น ในปี 2566 ถึงแม้จะเป็นปีที่ท้าทาย แต่ก็ถือว่าเป็นปีทองของ ASW เช่นกัน เพราะนอกจากจะมียอดขายเติบโตสร้างสถิติใหม่แล้ว ยังเป็นปีที่มีโครงการใหม่ทยอยสร้างเสร็จเพื่อโอนกรรมสิทธิ์สูงถึง 10 โครงการ มูลค่าโครงการวม 14,530 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นแรงส่งที่ดีในการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566-2567

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทฯ ทำผลงานประสบความสำเร็จเกินเป้าที่ตั้งไว้ โดยสามารถสร้างยอดขาย New High ที่ 16,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2565  ทะลุเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ที่ 15,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากกระแสตอบรับที่ดีจากโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดในปีที่ผ่านมา อาทิ โครงการโมดิซ อาวองการ์ด ซึ่งเป็น Campus Condo ใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท, เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,200 ล้านบาท ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัย และกลุ่มผู้ต้องการลงทุนคอนโดฯ เพื่อรับผลตอบแทน ฯลฯ และล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดขายโครงการ คอนโดฯ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ซึ่งสามารถปิดการขายผ่านเอเยนต์ในเฟสแรกได้ภายในวันเดียว

นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW กล่าวต่อว่า ส่วนในปี 2567 บริษัทฯ จะมีโครงการที่สร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนอีก 10 โครงการ รวมมูลค่า 19,307 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 14,057 ล้านบาท อาทิ แอทโมซ คาแนล รังสิต , เดอะไทเทิล ฮาโล 1 , เคฟ ซี้ด เกษตร , เคฟ ยูนิเวิรส์ , เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ ฯลฯ และแนวราบ 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,250 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา และ ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ ซึ่งโครงการแนวราบจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปอีก 3 ปี นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ รวมถึงความแข็งแกร่งของ Backlog ที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพของบริษัทฯ ให้เติบโตต่อเนื่องต่อไป

คาดการณ์ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามจีดีพี โดยสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประเมินว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 2.7-3.7% ซึ่งจากการที่ภาครัฐต่ออายุมาตรการลดหย่อนทางภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านออกไปอีก 1 ปี มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 2% เหลือ 1% ค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ และเกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และช่วยบรรเทาภาระให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ ในปี 2567”

อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 62 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA), แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR), แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมถึงแบรนด์ภายใต้ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,100 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 45 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 17 โครงการ และ ณ สิ้นไตรมาส 3’66 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 16,337 ล้านบาท



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ