นายธงธรรม เวชยชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเบอร์รี่ ไทย จํากัด กล่าวว่า ตลาดกาแฟมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและตลาดโลก สวนทางกับราคาของเมล็ดกาแฟที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ลดลงจากสภาพอากาศและโรคระบาดในต้นกาแฟ การให้ความสำคัญกับคุณภาพของเมล็ดกาแฟเป็นสิ่งที่พาคามาร่าให้ความสำคัญสูงสุด เราไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้นวัตกรรมในการสร้างสรรค์กาแฟใหม่ๆ รวมถึงการคัดสรรเมล็ดกาแฟ Single Origin จากทั่วทุกมุมโลกมาให้คอกาแฟชาวไทยได้ลิ้มลอง ในการสรรหาเมล็ดกาแฟเราเน้นการ ‘Direct Trade’ หรือการซื้อกาแฟสาร (Green Bean) โดยตรงจากเกษตรกร ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เพื่อสร้างรายได้และความยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย
สำหรับพาคามาร่าเล็งเห็นว่าปัจจุบันตลาดกาแฟของประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับตลาดโลก เทรนด์ที่กำลังมาแรงจาก Market size ของกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ย 5-10% ต่อปี และคิดเป็นสัดส่วน 11% ของตลาดกาแฟทั้งหมด ขณะที่ในตลาดโลก Market size ของกาแฟพิเศษ และเมล็ดกาแฟที่มาจากแหล่งเพาะปลูกเดียว (Single Origin) ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันมีสัดส่วน 20% ของตลาดกาแฟทั่วโลก และจากสถิติการบริโภคกาแฟของคนไทยยังเพิ่มสูงขึ้นอีกเท่าตัว จาก 180 แก้วต่อคนต่อปี เป็น 300 แก้วต่อคนต่อปี อีกทั้งกระแสความนิยมกาแฟพิเศษ ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในโอกาสครบรอบ 13 ปี สำหรับ “พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์” (Pacamara Coffee Roasters) แบรนด์สเปเชียลตี้คอฟฟี่ชื่อดังที่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ตั้งแต่ยุคที่วัฒนธรรมการดื่มกาแฟคลื่นลูกที่สาม (Third Wave Coffee Culture) เข้ามาในเมืองไทยช่วงแรกๆ ด้วยความใส่ใจควบคุมคุณภาพของเมล็ดกาแฟ ตลอดจนกรรมวิธีการแปรรูปตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงการคั่วและการชงอย่างพิถีพิถันโดยผู้เชี่ยวชาญที่สามารถดึงเอาเอกลักษณ์และรสชาติของเมล็ดกาแฟออกมาได้อย่างโดดเด่น โดยในช่วงปีที่ผ่านมาพาคามาร่าได้เปิดสาขาเพิ่ม 6 สาขา และในปี 2567 มีแผนขยายสาขาเพิ่มเป็นสองเท่าของปีที่ผ่านมาคือ 12 สาขา เพื่อต้องการขยายฐานผู้บริโภคไปในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก รวมถึงในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ โดยสาขาล่าสุดได้เปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ที่เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นสาขาที่ 25 เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ากรุงเทพฯ ทางฝั่งตะวันตก คาดว่าเมื่อจบปี 2567 พาคามาร่าจะเป็นแบรนด์สเปเชียลตี้คอฟฟี่ที่มีสาขามากที่สุด โดยรายได้ในปีที่ผ่านมาพาคามาร่าเติบโตขึ้นถึง 40% คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 15% ของร้านกาแฟในเซกเมนต์สเปเชียลตี้คอฟฟี่
ในปีนี้เราวางแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 12 สาขา เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถเข้าถึงแบรนด์ของเราได้ง่ายขึ้น ตามคอนเซ็ปต์แบรนด์ "Everyday Specialty” คือการเป็นการแฟสเปเชียลตี้ที่เข้าถึงง่าย ราคาเหมาะสม และลูกค้าสามารถดื่มได้ทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสครบรอบ 13 ปี ทางแบรนด์มีความตั้งใจที่จะส่งเสริมและสนับสนุนความรู้เกี่ยวกับการชงกาแฟให้คนทั่วไปได้เข้าใจกาแฟมากขึ้น จึงได้จัดทำโปรเจ็ค CSR ด้วยการมอบความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการชงกาแฟให้กับคนในชุมชน ด้วยอุปกรณ์การชงกาแฟขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ รวมถึงผู้ที่ต้องการเรียนรู้การชงกาแฟดื่มเองที่บ้านง่ายๆ ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้เช่นกัน สำหรับโปรเจ็ค CSR - GIVE THE GIFT OF CAREER “พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์” (Pacamara Coffee Roasters) จะลงพื้นที่ชุมชนต่างๆ 13 ชุมชน ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งเน้นการเข้าไปให้ความรู้ และสอนการชงกาแฟเบื้องต้น พร้อมมอบสูตรเครื่องดื่มต่างๆ เพื่อให้สมาชิกในชุมชนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ โดยจะทยอยไปในชุมชนและศูนย์ฝึกอาชีพรวม 13 แห่งตลอดปี 2567