“ซีคอม” เปิดตัว ‘Smart Security’ ระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร ชู โซลูชันใหม่รุกตลาด Aging Society เพื่อการดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน รองรับสังคมผู้สูงวัยเติบโตในอนาคต

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567

“ซีคอม” เปิดตัว ‘Smart Security’ ระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร ชู โซลูชันใหม่รุกตลาด Aging Society เพื่อการดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน รองรับสังคมผู้สูงวัยเติบโตในอนาคต


SECOM ผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยอันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวระบบรักษาความปลอดภัย SECOM Smart Security ตอบรับตลาดรักษาความปลอดภัยสำหรับที่อยู่อาศัยและธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง จากสังคมเมืองขยายตัว สู่วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป และความกังวลต่ออาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น ชูจุดขายระบบความปลอดภัยที่เป็นมากกว่ากล้องวงจรปิดทั่วไป ด้วยบริการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานขอความช่วยเหลือโดยศูนย์ควบคุมของ SECOM  เตรียมรุกตลาด Aging Society ด้วยโซลูชันใหม่ Smart Security Care เพื่อการดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน เหมาะสำหรับคนวัยทำงานที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แต่ยังมีความกังวัลใจที่อยากจะดูแลคนที่เรารักได้ทุกเมื่อ ซึ่งเป็นบริการที่มุ่งเน้นให้ครอบครัวได้ใกล้ชิดและสานสัมพันธ์กันมากขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน

นายเคตะ เอกาชิระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด กล่าวว่า SECOM คือ ผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยอันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น มีบริษัทในเครือและกิจการสาขาต่างประเทศ 17 ประเทศและดินแดน ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยและโซลูชันครบวงจร (รวมถึงธุรกิจอื่น) ที่ช่วยมอบความปลอดภัยในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สนามบิน โรงงานอุตสาหกรรม กิจการห้างร้าน รวมไปถึงที่พักอาศัย และได้เริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2530 ปัจจุบันมีศูนย์บริการมากกว่า 50 สาขา

นายสุกษม ช่วงโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจรักษาความปลอดภัยในประเทศไทยว่า  ความโดดเด่นของตลาดนี้ในประเทศไทย คือ ผู้บริโภคมีการตื่นตัว และใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) อย่างแพร่หลาย ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ASEAN  ที่มีการใช้กล้องวงจรปิดและระบบสัญญาณเตือนภัย (Alarm System) เป็นโซลูชันด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นหลัก  สำหรับตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย คาดว่าจะเติบโตได้ดีในอนาคต โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเติบโต ได้แก่ การขยายตัวของเมือง เนื่องจากผู้คนอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้น ความต้องการต่อระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับที่อยู่อาศัยและธุรกิจจึงเพิ่มมากขึ้น วิถีชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป ครอบครัวที่มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้มีคนดูแลบ้านน้อยลง ความต้องการระบบรักษาความปลอดภัยจึงเพิ่มมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องตนเองและทรัพย์สินของพวกเขา เทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น AI และ IoT ที่ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยขับเคลื่อนความต้องการต่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้

“ในฐานะผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถมอบความอุ่นใจให้กับคนไทยได้มากขึ้น โดย SECOM ได้นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยแบบครบวงจรไม่ว่าจะเป็น กล้องวงจรปิด ระบบสัญญาณเตือนภัย ระบบควบคุมการเข้า-ออก (Access Control) และอื่น ๆ โดย SECOM  มีประสบการณ์ด้านการให้บริการสัญญาณเตือนภัย พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพ  ในส่วนของระบบสัญญาณเตือนภัยแบบออนไลน์ (Online Security System) นั้น เป็นโซลูชันความปลอดภัยที่ SECOM ได้รับความนิยม และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา SECOM ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย ด้วยความเชื่อมั่นในแบรนด์ SECOM จากประเทศญี่ปุ่น ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ง่ายต่อการใช้งาน และราคาที่คุ้มค่า โดยมีแพ็คเกจหลากหลายให้เลือกสรร ตอบโจทย์ทุกความต้องการและงบประมาณของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างเหมาะสม ทำให้ในปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก (Double Digit) ทั้งจำนวนผู้ใช้ใหม่ และยอดขายทั้งหมด โดยมียอดขายในปี 2566 สูงที่สุดในรอบห้าปีที่ผ่านมา

นายเอกรัฐ วิภาณุรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักกรรมการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมา SECOM ได้เปิดตัว Smart Security โซลูชันความปลอดภัยอัจฉริยะครบวงจรที่ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า  ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับลูกค้าทุกประเภท ตั้งแต่บ้านพักอาศัย (Home) ไปจนถึงธุรกิจ (Business) ขนาดเล็กและขนาดกลาง ด้วยเซนเซอร์คุณภาพสูงและประสิทธิภาพของระบบวิเคราะห์ภาพอัจฉริยะ (Smart Video) ที่หลากหลาย ระบบสามารถตรวจจับความผิดปกติต่าง ๆ และแจ้งเตือนลูกค้าบนสมาร์ทโฟนได้ทันที ช่วยให้ลูกค้าได้เห็นถึงเหตุผิดปกติที่เกิดขึ้นและสามารถจัดการกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ SECOM Smart Security ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถควบคุมร้านค้าผ่านสมาร์ทโฟนได้สะดวก อาทิ การสั่งเปิด-ปิดร้าน การควบคุมแสงสว่าง และการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ และยังสามารถควบคุมร้านค้าหลายแห่งได้ในแพลตฟอร์มเดียว รวมถึงการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าภายในร้านค้าผ่านฟีเจอร์ Business Activity Analytics ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปปรับปรุงการดำเนินงานของธุรกิจให้ดีขึ้น โดยข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บบนคลาวด์ (Cloud Storage) ที่มีความปลอดภัยสูง

ปัจจุบัน SECOM มีฐานลูกค้าองค์กร (B2B) ที่แข็งแกร่ง และยังคงได้รับการตอบรับที่ดีทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากการที่เราได้เปิดตัวทำตลาด Smart Security มาได้สักระยะหนึ่ง ทำให้เราสามารถขยายตลาดลูกค้าทั่วไป (B2C) ได้มากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ด้วยเสียงตอบรับอย่างอบอุ่นจากการเริ่มให้บริการ Smart Security ทำให้บริษัทฯ เดินหน้านำเสนอบริการใหม่ Smart Security Care ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน สอดรับกับสถานการณ์ของประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ตามข้อมูลของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ สิ้นปีพ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 10 เป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง และอีกร้อยละ 4.6 เป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ด้วยกันดูแลซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ จำนวนผู้สูงวัยคาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราการเกิดที่ต่ำและอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น จากปัจจัยดังกล่าว ตลาดสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงวัยจึงมีศักยภาพในการเติบโตสูง  โดยในด้านความปลอดภัย ผู้สูงวัยเป็นกลุ่มเกษียณอายุที่เปราะบางและเสี่ยงต่ออันตรายต่าง ๆ ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันผู้สูงวัยมักไม่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี  ดังนั้น การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการจะต้องคำนึงถึง ความง่ายในการใช้งาน ความสะดวก ความปลอดภัย ราคาที่เหมาะสม ตลอดจนถึงบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ตาม การทำงานส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาให้กับการงานของตน SECOM จึงมุ่งมั่นพัฒนาบริการใหม่  SECOM Smart Security Care  ภายใต้คอนเซ็ปต์ Caring By Your Side มุ่งให้ความสำคัญกับผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง ด้วยโซลูชันอัจฉริยะที่ทำให้สมาชิกในครอบครัวรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น แม้จะอยู่คนละที่ โดยมีจุดเด่น 3 ประการ ได้แก่

1. ด้านความปลอดภัย ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงโดยทีมงานมืออาชีพ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่ปรกติ SECOM จะติดต่อลูกค้าและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งส่งทีมปฏิบัติการไปที่พื้นที่ลูกค้าตามความจำเป็น

2. ด้านสุขภาพ ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถติดตามกิจกรรมในแต่ละวันของผู้สูงวัยได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชัน จับสังเกตแม้การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถช่วยป้องกันการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บที่ร้ายแรงของผู้สูงวัยได้                 

3. ด้านการช่วยเหลือฉุกเฉิน แจ้งเตือนทั้งสมาชิกในครอบครัวและ SECOM ในกรณีที่ผู้สูงวัยมีปัญหาสุขภาพ สมาชิกครอบครัวสามารถรับข้อมูลได้อย่างรวดเร็วผ่านทางแอปพลิเคชัน และในกรณีฉุกเฉิน SECOM จะช่วยประสานงานจัดเตรียมรถพยาบาลตามความจำเป็น

สำหรับการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับบริการ SECOM Smart Security Care  นั้น จะทำการสื่อสารผ่านดารานักแสดงชื่อดัง คุณบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ซึ่งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ SECOM มาเป็นเวลานาน ร่วมกับ คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ ซึ่งมาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริการนี้ด้วย ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ของครอบครัวรุ่นใหม่ที่ต้องการความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความอุ่นใจได้เป็นอย่างดี



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ