ญภัค ทองถาวรกุล ผู้อำนวยฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มซักผ้า ปรับผ้านุ่มและปรับอากาศ ดาวน์นี่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มปัจจุบันมีมูลค่าตลาด 14,398 ล้านบาท โดยปีที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้น 7% และปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโต 8% โดยตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นแบ่งเป็น 2 ตลาดใหญ่ตามสัดส่วนรายได้ กล่าวคือ 1. ตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นมีสัดส่วน 76% 2. ตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มธรรมดา มีสัดส่วน 24% จากข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคและมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในปีนี้อาจจะไม่ค่อยดีนักส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคในปัจจุบันจะหดตัวลง แต่สำหรับตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มถือเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นที่ต้องใช้จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนักเนื่องจากการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคพบว่า คนไทยชื่นชอบเสื้อผ้าที่มีกลิ่นหอมจากการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม จึงทำให้ ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ในโลกที่นิยมใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม โดยคนไทยกว่า 91% เลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในการซักผ้าประเทศ มากกว่าประเทศอื่นๆ ที่มีอัตราการใช้อยู่ราว 70-80% ขณะที่ในบางประเทศมีอัตราการใช้เพียง 50% เท่านั้น ซึ่งปีนี้คาดว่าตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มในไทยจะมีมีอัตราการเติบโต 7-8% เพิ่มจากปีที่แล้วที่โต 6%

ปัจจุบันตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มมีการแข่งขันสูง มีผู้เล่นในตลาดหลายราย ส่วนใหญ่จะแข่งขันออกสินค้ากลิ่นใหม่มากกว่าการแข่งขันด้านราคาหรือโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 เนื่องมาจากคนไทยจะชอบความหอมมากจึงยิ่งมีการใช้มากขึ้นส่งผลให้มีการอัพไซน์สินค้าเพื่อตอบสนองพฤติกรรมคนไทยจุดนี้ด้วย เลยส่งให้ตลาดนี้มีโอกาสเติบโตสูง แต่สำหรับแบรนด์ดาวน์นี่ยังครองส่วนแบ่งตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยปี พ.ศ. 2566 มีการเติบโตขึ้น 7% จากปี 2565* ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 37% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท

              ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรใหม่ “ดาวน์นี่ ละมุน” ด้วยกลิ่นหอมละมุนจากฟองสบู่และดอกไม้ ต้านกลิ่นอับชื้นหอมยาวนาน 12 สัปดาห์** ครั้งแรกของดาวน์นี่กับผลิตภัณฑ์กลิ่นหอมละมุน อ่อนโยน พร้อมดึง “น้องเกล” แอบิเกล รังษีสิงห์พิพัฒน์ ขึ้นแท่น Brand Ambassador เด็กคนแรกในโลกของแบรนด์ดาวน์นี่ คู่กับ ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต เพื่อสื่อสารว่าผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรใหม่เหมาะกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว ด้วยการทุ่มงบการตลาดมากกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของการทำแคมเปญปกติ เพื่อทำแผนการตลาดทั้งออนไลน์-ออฟไลน ในการเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ  

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรใหม่นี้จะสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ภายใน 12 เดือนหลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมยังคงทำให้แบรนด์ดาวนน์นี่ครองส่วนแบ่งการตลาดตำแหน่งผู้นำตลาดต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงการกวาดรายได้ขึ้นแท่นแบรนด์ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 66 ให้กับบริษัท P&G ตามมาด้วยกลุ่มสินค้าดูแลเส้นผมเป็นอันดับ 2 สำหรับ P&G ถือเป็นบริษัทที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก