“สมูทอี” ประกาศปรับแผนครั้งใหญ่ขยายฐานสู่กลุ่ม GEN Z ปั้นไลน์สินค้ารักษาสิวลุยตลาด เดินสายโรดโชว์ทั่วประเทศ ย้ำแบรนด์เวชสำอางยอดขายอันดับ 1 ร้านขายยาในไทย ตั้งเป้าภายใน 5 ปี ทำรายได้พุ่งแตะ 2 พันล้านบาท

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“สมูทอี” ประกาศปรับแผนครั้งใหญ่ขยายฐานสู่กลุ่ม GEN Z  ปั้นไลน์สินค้ารักษาสิวลุยตลาด เดินสายโรดโชว์ทั่วประเทศ ย้ำแบรนด์เวชสำอางยอดขายอันดับ 1 ร้านขายยาในไทย ตั้งเป้าภายใน 5 ปี ทำรายได้พุ่งแตะ 2 พันล้านบาท


นายธนชัย ชัยกิตติวนิช  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมูทอี บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางสกัดจากธรรมชาติแบรนด์ “สมูทอี” กล่าวว่า สำหรับแบรนด์ “สมูทอี” มียอดขายอันดับ 1 ในร้านขายยาและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วประเทศมายาวนานกว่า 32 ปี ส่วนหนึ่งความสำเร็จคือการปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าอยู่เสมอ โดยในปี 2566 สมูทอีมีรายได้รวมอยู่ที่ 800 ล้านบา จากตลาดสกินแคร์มูลค่าราว 20,000-30,000 ล้านบาท มีการเติบโตประมาณ 12%  โดยแบ่งเป็นเซกเมนต์ “เวชสำอาง” สูงถึง 15% ซึ่งตลาดนี้แบรนด์หลักส่วนใหญ่ที่อยู่ในตลาดจะเป็นอินเตอร์แบรนด์ที่ถือเป็นคู่แข่งกับแบรนด์ “สมูทอี” โดยเฉพาะในกลุ่ม เฟซแคร์ เฟซคลีนซิ่ง บอดี้และซันแคร์

อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนดำเนินธุรกิจในปี 2567 นี้บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ด้วยการวางแผนเพื่อในการเติบโตระยะยาวภายใน 5  ปีข้างหน้า ด้วยการตั้งเป้ายอดขายให้ได้อยู่ในระดับ 2,000 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์สำคัญที่ได้วางไว้คือการมุ่งเป้าไปจับกลุ่มผู้บริโภค GenZ ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ส่วนใหญ่จะโฟกัสผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วเห็นผลเร็ว มีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีราคาจับต้องได้  ภายใต้ 4 กลยุทธ์ที่วางไว้ ดังนี้ คือ 1.positioning ชูจุดเด่นเรื่องความเป็นเวชสำอาง สื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เห็นได้ชัดเจน 2.Innovation โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกันสิว 3.news communication สื่อสารให้ชัดเจน กระชับ ได้ใจความ และ 4. Digital focus โฟกัสไปที่ดิจิทัล 90% เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่เป็นฐานลูกค้าสำคัญ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2567 สมูทอี เดินหน้าขยายฐานกลุ่มลูกค้าจากวัยทำงานสู่วัยรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเจเนอเรชัน Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่ศึกษาข้อมูลของสินค้าและมีความต้องการสินค้าที่มีนวัตกรรมที่ใช้แล้วเห็นผลอย่างชัดเจนและยังคงความอ่อนโยน บริษัทจึงทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ในการตลาดของผลิตภัณฑ์กลุ่มรักษาสิวและมีการพัฒนานวัตกรรมและบรรจุภัณฑ์ให้มีความสดใส โมเดิร์น พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์ ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทันสมัยเข้าใจเทรนด์และเข้าถึงได้ รวมทั้งปรับ Brand Communication เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้ง Offline และ Online เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ตลอดจนสอดแทรกการสร้างความรู้การดูแลผิวหน้าที่ถูกต้อง อาทิ ปรับการสื่อสารจากสมูทอี โฟมไม่มีฟอง เป็น โฟมไม่มีสบู่ ไม่ทำให้ ผิวเอี๊ยด PH5 สร้างสมดุลผิว ลดมัน ลดสิว และในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาสิว (Smooth E Acne) มีการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย พัฒนานวัตกรรมการรักษาผิวและฟื้นฟูสภาพผิวให้มีประสิทธิภาพในการช่วยแก้ปัญหาสิวอย่างครบวงจร  พร้อมออกสินค้ากันแดด  ไร้สารเคมีที่สามารถคุมมัน กันสิว 12 ชั่วโมง

ดังนั้น จึงส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกพบว่า ภาพรวมสมูทอีเติบโตดับเบิลดิจิตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่โตวันดิจิตโดยแบ่งสัดส่วนการเติบโตเป็นกลุ่มโฟมล้างหน้า เติบโต 14% และ Smooth E Acne โต 15% ส่วนของ Smooth E Sun care โต 10%  พร้อมกันนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนทั้งโฆษณาและบรรจุภัณฑ์เพื่อเจาะกลุ่ม GEN Z เนื่องจากเล็งเห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไป กล่าวคือ GEN Z ได้มีการเข้าถึงความรู้มากขึ้น ถึงอย่างนั้นผู้บริโภคก็มีพฤติกรรมที่ชอบลองผิดลองถูกอยู่เช่นเดียวกัน เนื่องจากพฤติกรรมที่มีการลองผิดลองถูกกับผลิตภัณฑ์นั้นอาจทำให้ผิวเกิดการแพ้ง่าย เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์ทางเวชสำอางจึงเป็นคำตอบ รวมไปถึงการเข้าถึงสินค้าส่วนใหญ่จำเป็นจะต้องชัดเจน ทั้งส่วนผสม ข้อมูล รวมไปถึงโฆษณาที่ต้องสั้นกระชับต้องการความเข้าใจง่ายและรวดเร็วตอบโจทย์แก่คนยุกต์ใหม่

ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า สำหรับทิศทางครึ่งปีหลังของปี 2567 แผนการรุกตลาดของผลิตภัณฑ์สมูทอีนับจากนี้จะให้ความสำคัญใน 3 มิติ ได้แก่ สร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่มสินค้าหลักเติบโตต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าและครีมบำรุง โดยการรีลอนช์ผลิตภัณฑ์ด้วยรูปโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ อาทิ Smooth E Cream ครีมลดรอยแผลเป็น ริ้วรอยและจุดด่างดำจากสิว บูมกระแสเทรนด์ความงามที่เน้นผิวดูอ่อนเยาว์กว่าวัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกเซกเมนต์ รวมถึงบุกตลาด GEN Z ที่เข้มข้นขึ้น โดยยังคงยึดโพรดักต์ในกลุ่ม Smooth E Acne เป็นหัวหอกต่อเนื่องตลอดปี นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ในด้าน ความเชี่ยวชาญดูแลผิวอย่างจริงจัง อาทิ กลุ่ม Anti-Aging หรือ เวชศาสตร์ชะลอวัย มีการพัฒนานวัตกรรมส่วนผสมของ PEPTIDE (เปปไทด์) เติมเต็มริ้วรอยร่องลึกจากภายใน ช่วยให้ผิวเพิ่มอัตราการผลิตคอลลาเจนที่คืน ความหนาแน่นตามธรรมชาติ ฟื้นฟูและเสริมสร้างผิวให้เรียบเนียน อ่อนนุ่ม ยืดหยุ่น ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ซึ่งมี ความโดดเด่นต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นในท้องตลาดที่มีส่วนผสมของเรตินอล ช่วยผลัดเซลล์ผิว แต่อาจก่อให้เกิด  การระคายเคืองกับผิวในกลุ่มผิวแพ้ง่าย โดยตั้งเป้าปี 2567 กวาดรายได้ 1,000 ล้านบาท นอกจากตลาดในประเทศแล้ว สมูทอียังส่งออกไปยัง 10 ประเทศผ่านดิสทริบิวเตอร์ ปัจจุบันสัดส่วนการขายในประเทศอยู่ที่ 85% และต่างประเทศ 15%

ด้าน นางสาวศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า จากการศึกษาพฤติกรรม GEN Z ที่โฟกัสการเห็นผลที่เร็ว มีประสิทธิภาพในการดูแลผิวอย่างอ่อนโยน  เพื่อทำให้ผิวมีสุขภาพดีในระยะยาว ซึ่งสมูทอีสามารถตอบโจทย์และเติมเต็มทุกความต้องการได้ เนื่องจากสมูทอีเป็นเวชสำอาง หรือ Medical Skincare มีความน่าเชื่อถือจากการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเป็นสกินแคร์พรีเมียมที่เน้นดูแลผิวให้มีสุขภาพดีในระยะยาว ราคาจับต้องได้ ดังนั้นแบรนด์จึงทำ FMOT (First Moment of Truth) ในมิติของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ยังคงเน้นความเป็นเวชสำอาง ที่มี Efficiency & Care แต่เพิ่มความโมเดิร์น และทำการสื่อสารในทุกช่องทางให้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น สำหรับด้านคอมมิวนิเคชันเน้นหนักที่สื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม สื่อสารคอนเทนต์ให้ความรู้เรื่องการดูแลผิวจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีคาแรกเตอร์แอ็กทิฟ เข้าถึงง่ายสะท้อนภาพคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการโปรโมทในช่องทาง Tiktok ซึ่งส่งผลให้ยอดขายโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมออฟไลน์เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงกับกลุ่มลูกค้าให้เกิดการทดลองใช้จริง

จากฐานลูกค้าของสมูทอีที่ผ่านมายาวนานจะอยู่ในกลุ่ม GEN- X และ GEN- Y มากกว่า 90%  และจากการปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ในปีนี้ที่เราต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Gen Z โดยจะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เด็กลงโฟกัสปัญหาแรกที่วัยรุ่นเจอคือ “สิว” โดยวางแผยจะล๊อนซ์สินค้าใหม่กลุ่ม ACNE – 5 เป็นตัวเปิดตลาด เบื้องต้นตั้งเป้าว่าจะขยายสัดส่วนลูกค้า GEN Z ราว ๆ 30% ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 10%”  และอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่คาดว่าจะเป็นเครื่องเร่งทั้งในมุมของอแวร์เนสและยอดขายคือ การพัฒนาACNE – 5 ในรูปแบบ “ซาเช่” เพื่อวางขายในร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่น อิเลฟเว่น”

ล่าสุด บริษัทจัดแคมเปญ “Smooth E Mobile Clinic” นำผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังลงพื้นที่ทั่วประเทศ สร้าง Experience ตอบโจทย์อินไซต์จบทุกปัญหาสิว ตอกย้ำ Brand Positioning ผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากธรรมชาติ ให้ได้เกิดการทดลองใช้สินค้าได้จริงในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา พร้อมกับตอกย้ำคุณค่าของแบรนด์ในเรื่องของผลิตภัณฑ์เวชสำอางสกัดจากธรรมชาติ มีความน่าเชื่อถือ และสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้ตรงจุด  โดยตั้งเป้าเจาะใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี สงขลา ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแจกสินค้าตัวอย่างให้กลับไปทดลองใช้ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาสิว (Smooth E Acne) อาทิ ครีมกันแดด, เจลแต้มสิว สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย, เจลเเต้มสิว สำหรับผิวเป็นสิวง่าย รวมถึง กลุ่มผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าและครีมบำรุง และกลุ่ม Anti-Aging โดยเฟสแรกลงพื้นที่ 15 โลเคชั่นในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมทั้งหัวเมืองหลัก และในเฟสถัดไปตั้งเป้าลงพื้นที่ 100 โลเคชั่นครอบคลุมทั่วประเทศภายใน 1 ปี

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ