“แอล. ดับเบิลยู. เอส.ฯ” เปิด 5 ธุรกิจ ตอบโจทย์การใช้ชีวิต แบบ “คนโสด” ที่มีกำลังซื้อสูง โดยมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในเครือ บริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) แนะนำ 5 ธุรกิจบริการ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ “คนโสด” ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มประชากรที่มีกำลังซื้อสูง โดยประมาณว่า มีมูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปี 1.4 ล้านล้านบาท
จากรายงานของ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ Euromonitor ระบุว่า ณ ปี 2566 มีจำนวนครัวเรือนที่อยู่เพียงลำพัง หรือ คนโสด จากทั่วโลกราวๆ 400 ล้านครัวเรือน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 3.3% ต่อปี ในขณะที่ประเทศไทย ณ สิ้นปี 2565 มีจำนวนครัวเรือนที่อยู่เพียงลำพัง กว่า 7 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นสัดส่วน 26% ของครัวเรือนในประเทศไทย ทั้งหมด เพิ่มขึ้นกว่า 10% จากปี 2555 โดยประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 10 ประเทศ ที่มีค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของครัวเรือนที่อยู่เพียงลำพัง สูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยเป็นการใช้จ่ายในกลุ่มของสินค้า และบริการ คิดเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1.4 ล้านล้านบาท ต่อปี
ในขณะที่ ผลสำรวจของ แอล. ดับเบิลยู. เอส.ฯ เมื่อเดือน พฤษภาคม ปี 2566 จากจำนวนผู้อยู่อาศัยใน โครงการอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 729 ตัวอย่าง พบว่า มีสัดส่วนของคนที่อยู่เพียงลำพัง คิดเป็นสัดส่วน 45% สูงขึ้นจากปี 2563 ถึง 10% และ มีสถานภาพโสดมากกว่า 75% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 5% โดยมีรายได้ต่อเดือนอยู่ในช่วง 20,000-40,000 บาท
จากแนวโน้มประชากร ไทยที่อยู่เพียงลำพัง หรือ คนโสด ที่เพิ่มขึ้น ทำให้การพัฒนาสินค้าและบริการ ที่ตอบโจทย์ กับความต้องการของประชากรในกลุ่มนี้ จึงเป็นโอกาส ของผู้ประกอบการ จากผลการสำรวจ ของ “แอล. ดับเบิลยู. เอส.ฯ” พบว่า 5 ธุรกิจบริการ ที่น่าสนใจ และ มีแนวโน้มของความต้องการที่เพิ่มขึ้น ของ “คนโสด” เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ ที่จะพัฒนา และ สร้างธุรกิจในกลุ่ม เพื่อรองรับ กับ ความต้องการ ของตลาด ได้แก่
1. ธุรกิจการเช่าที่อยู่อาศัย
ปัจจุบันราคาที่อยู่อาศัย ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งต้นทุนที่ดิน ค่าก่อสร้าง และภาระดอกเบี้ย ทำให้ ราคาที่อยู่อาศัย ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่า ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย ของผู้ซื้อ ผนวกกับ ความต้องการของ คนรุ่นใหม่ และ คนโสด ที่มีพฤติกรรมการทำงานอาชีพ อิสระ มากขึ้น พร้อมที่จะย้ายที่อยู่อาศัย ให้ใกล้กับที่ทำงาน และ ให้ความสำคัญกับการเดินทางและท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้ ประชากรในกลุ่มนี้ ตัดสินใจที่จะ “เช่า” ที่อยู่อาศัย มากกว่า “ซื้อ”
จากการสำรวจพฤติกรรมการอยู่อาศัยในอาคารชุดพักอาศัย ของ แอล. ดับเบิลยู. เอส.ฯ ในปี 2566 พบว่า กลุ่มคนเช่าที่อยู่ตัวคนเดียวกว่า 30% มีความศักยภาพที่พร้อมจ่ายค่าเช่าตั้งแต่ 6,000-10,000 บาท/เดือน
โดยรูปแบบการพัฒนาอสังหาฯอย่าง อาคารชุดที่พร้อมปล่อยเช่า จำเป็นต้องมีความปลอดภัย, ความสะดวกสบาย, Facility ที่ครบครันสามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมง รวมไปถึงบริการเสริมที่สามารถเรียกใช้บริการผ่าน Application เช่น
บริการรถรับ-ส่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าหรือจุดขึ้นรถสาธารณะ
บริการทำความสะอาดแบบ Package
บริการซ่อมแซม/ตกแต่ง/ต่อเติมในห้องชุด
บริการขนย้ายสิ่งของ
2. อาคารชุดที่เลี้ยงสัตว์ได้
จากการสำรวจความสนใจซื้ออาคารชุดที่เลี้ยงสัตว์ได้ ของ แอล. ดับเบิลยู. เอส.ฯ ในปี 2566 พบว่า 3 ใน 4 ของคนที่สนใจซื้อ อาคารชุดเพื่อพักอาศัย เลือกพิจารณา โครงการที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้เป็นองค์ประกอบหลักในการพิจารณา โดยส่วนใหญ่มองว่า ในอนาคต ถ้าต้องการเลี้ยงสัตว์ จะได้ไม่เป็นปัญหาต่อการอยู่อาศัยหรือต้องย้ายที่พักอาศัย
ผลการสำรวจดังกล่าว สอดคล้องกับผลวิจัยของมหาลัยมหิดล (CMMU) และ The 1 Insight ที่ระบุว่า ปัจจุบัน คนไทย สัดส่วนมากกว่า 65% เลี้ยงสัตว์เหมือนลูกหรือสมาชิกในครอบครัว หรือที่เรียกว่า "Pet Parent" ในขณะที่ 33% เลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนคลายเหงา และ 2% เลี้ยงสัตว์เพื่อการบำบัดเยียวยาจิตใจ มีความสามารถรองรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงได้ 15,000 บาท/ปี ซึ่งการเลี้ยงสัตว์ในที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่หลังการแพร่ระบาดของ โคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (Covid-19) เป็นต้นมา
การพัฒนาโครงการอาคารชุด ที่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ จำเป็นต้องมีบริการอำนวยความสะดวก ดังต่อไปนี้
บริการฝากดูแล / พาสัตว์เลี้ยงเดินเล่น บริการทำความสะอาดห้องชุดที่มีสัตว์เลี้ยง บริการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงในห้องชุด ร้านขายอาหารสัตว์และอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง บริการสปา / อาบน้ำ / แต่งขนสัตว์เลี้ยง
3. ร้านอาหารสำหรับทานคนเดียว
ตั้งแต่ปี 2565 หลังสถานการณ์ Covid-19 เริ่มคลี่คลาย สิ่งที่เปลี่ยนไปและสังเกตได้ชัดเจนคือ การมีร้านอาหารทางเลือกสำหรับการรับประทานอาหารคนเดียวชัดเจนมากขึ้น เช่น ร้านอาหารที่ปรับรูปแบบให้เหมาะกับการนั่งคนเดียวโดยมีตุ๊กตาหมีนั่งเป็นเพื่อน, ร้านราเมงจำลองสถานที่สอบเพื่อการรับประทานอาหารคนเดียว หรือร้านปิ้งย่างที่ลดขนาดโต๊ะให้เหมาะกับการรับประทานคนเดียว
จากการผลสำรวจเป็นที่ยืนยันได้ว่า กลุ่มคนที่อาศัยอยู่คนเดียวกว่า 50% ชื่นชอบการทำกิจกรรมนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร หรือกิจกรรมอื่นๆคนเดียว ถ้าจะกล่าวว่าธุรกิจร้านอาหารสำหรับรับประทานคนเดียวเติบโตอย่างต่อเนื่อง คงไม่แปลกเพราะกำลังเป็นเทรนด์ที่ได้ผลตอบรับตามกระแสนิยมในปัจจุบัน
4. การท่องเที่ยวคนเดียว
ปัจจุบันแนวโน้ม การเดินทาง ท่องเที่ยวคนเดียว เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ จากผลสำรวจของสำนักวิจัยการตลาด จากประเทศเยอรมัน Statista ระบุว่า ในปี 2566 60% ของนักท่องเที่ยวมีแผนออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มคนโสด ชื่นชอบการเดินทางคนเดียว ท่องเที่ยวมากกว่า 5 ครั้ง/ปี ที่สำคัญตัดสินใจเร็ว กล้าจ่ายแม้ไม่ใช่ช่วงโปรโมชั่น และในปัจจุบัน Application เป็นสิ่งที่สนับสนุนการเที่ยวคนเดียวออกมาให้ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่น Flush ไว้หาห้องน้ำ, Agoda ไว้จองห้องพัก ฯลฯ
5. บริการเพื่อนรับจ้าง
ปัจจุบันธุรกิจเช่าเพื่อนเริ่มเป็นที่นิยมอย่างมากของกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออนไซต์ โดยเฉพาะในประเทศจีน และญี่ปุ่น จากข้อมูลสำนักงานข่าวนิกเคอิ เอเชีย และ กรุงศรี กูรู รายงานว่า ธุรกิจที่สร้างรายได้จากการให้เช่าเวลาของตัวเอง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า จากสถิติที่เก็บโดยเจ้าของธุรกิจ พบว่ากลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการเช่าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 70% เช่าเพื่อปรึกษาหรือหาคนรับฟังสิ่งที่เค้าพูด และอีก 30% เช่าเพื่อขอให้ช่วยงานบางอย่างหรือไปเที่ยว, กินข้าว ไปจนถึงพาไปโรงพยาบาลหรือฝากดูแลผู้สูงอายุ โดยมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 250-600 บาท/ชั่วโมง
เช่นเดียวกันกับในประเทศไทย มีบริการมาเติมเต็มในกลุ่มผู้สูงอายุอย่าง “บริการลูกรับจ้างหลานจำเป็น”ของบริษัท Joyride ที่คอยดูแล, รับ-ส่งถึงที่หมาย มีค่าบริการเริ่มต้น 500 บาท/ชั่วโมง และหากมองหาบริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบคนโสด โดยใช้รูปแบบบริการที่มีให้บริการในต่างประเทศมาปรับใช้ได้ไม่ยาก แน่นอนธุรกิจดังกล่าวเป็นบริการทางเลือกที่น่าสนใจ และคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนกลุ่มลูกค้าที่สามารถเข้าถึงบริการ
“จากแนวโน้มดังกล่าว การพัฒนาธุรกิจบริการที่ตอบโจทย์ การใช้ชีวิตเพียงลำพัง จึงเป็นโอกาส สำหรับผู้ประกอบการ ในทุกภาคธุรกิจ ที่จะพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ ที่ตอบโจทย์กับ ลูกค้าในกลุ่มนี้ ที่มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น รวมทั้ง ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่ต้องพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์ และบริการ ที่สนองความต้องการของ ผู้ซื้อ และ ผู้เช่า ที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว