สนข. แถลงผลการดำเนินงานสำคัญในปี 2567 และแผนการดำเนินงานในอนาคต พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนแผนงานคมนาคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน
นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร ภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วม ต่อการพัฒนาระบบการขนส่งและจราจรของ สนข. ประจำปี 2567 โดยนำคณะสื่อมวลชน “ศึกษาดูงานการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และลงพื้นที่เยี่ยมชมสนามบินหัวหิน ระหว่างวันที่ 2-3 สิงหาคม 2567 ณ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ สนข. พร้อมด้วยคณะสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ จำนวน 60 คน เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
นายปัญญา กล่าวว่า สนข. ได้จัดกิจกรรม “สื่อมวลชนสัญจร” เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือและการมีส่วนร่วมต่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบการขนส่งและจราจร โดยเน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้บริหารและบุคลากรของ สนข. ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเครือข่ายสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ให้เกิดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารด้านการขนส่งและจราจรของ สนข. เพื่อใช้เป็นกลไกในการสื่อสารข้อมูลไปยังประชาชน ให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว และทันท่วงที
ทั้งนี้ นอกจากจะนำคณะสื่อมวลชน “ศึกษาดูงานการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์” และเยี่ยมชมพื้นที่สถานีหัวหินแห่งใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ช่วงหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ที่ สนข. ได้ทำการศึกษาความเหมาะสมและส่งต่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และให้บริการอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งเยี่ยมชมท่าอากาศยานนานาชาติหัวหินแล้ว ยังได้แถลงผลการดำเนินงานสำคัญในปี 2567 และแผนการดำเนินงานในอนาคต สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม หลัก ดังนี้
งานที่อยู่ระหว่างการนำเสนอกระทรวงคมนาคม จำนวน 6 โครงการ ได้แก่
1) พระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ โดยใช้บัตรโดยสารเพียงใบเดียว
2) พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ พ.ร.บ. SEC เพื่อใช้ในการกำกับดูแล และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุน การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่มีการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน มีแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่เชื่อมโยงกันทั้งในและนอกระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
3) แผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (W-MAP) เพื่อพัฒนาการเดินทางทางน้ำ ยกระดับการบูรณาการเดินทางกับรูปแบบอื่น เพิ่มการใช้ประโยชน์เพื่อการสัญจรและการท่องเที่ยว
4) แผนการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงรูปแบบการเดินทาง เพื่อเข้าถึงสถานีรถไฟฟ้าและสนามบินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (Feeder) พัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง ล้อ - ราง - เรือ พร้อมปรับปรุงลักษณะกายภาพ และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนใช้บริการได้อย่างสะดวก
5) แผนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (พ.ศ. 2566 - 2580) โดยเร่งผลักดันและขับเคลื่อนนโยบาย EV ภาคคมนาคม พัฒนาการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการขนส่งสาธารณะ พร้อมส่งเสริมให้ประชาชนใช้งานระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น และลดมลพิษ
6) แผนพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่ โดยอาศัยแนวคิด Transit Oriented Development หรือ TOD เพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟ 177 สถานี ทั่วประเทศ
งานที่อยู่ระหว่างการศึกษา จำนวน 8 โครงการ ได้แก่
1) การศึกษาจัดทำ Model การพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อเชื่อมโยงกับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภายใต้กรอบ GMS สนับสนุนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาในพื้นที่ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออก คาดว่าจะแล้วเสร็จและนำเสนอกระทรวงคมนาคมได้ภายในเดือนสิงหาคม 2567 ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ คาดว่าจะแล้วเสร็จและนำเสนอกระทรวงคมนาคมได้ภายในปี 2568
2) การศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นและออกแบบแนวคิดเบื้องต้นเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ช่วงจังหวัดระนอง – จังหวัดสตูล (Andaman Riviera) ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568
3) การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมืองหลักในภูมิภาค เพื่อให้มีฐานข้อมูลการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะและข้อมูลการจราจรในเขตเมืองหลักในภูมิภาคที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
4) การศึกษาจัดทำแผนพัฒนาการเชื่อมโยงและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมรองรับ EEC เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าจากถนนไปสู่ทางรางและทางน้ำให้เพิ่มมากขึ้น
5) การศึกษาเพื่อจัดทำข้อมูลฐาน (Baseline Data) และการประเมิน (Tracking) การลดก๊าซเรือนกระจกจากมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของยานพาหนะ
6) การศึกษาเพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลคมนาคมของประเทศไทย (Transport Data Center) เพื่อจัดทำศูนย์ข้อมูลคมนาคมของประเทศไทย (Transport Data Center) สำหรับเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศด้านคมนาคมแก่ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน และใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำนโยบายและแผนด้านคมนาคม รวมทั้งเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในระดับนโยบายของผู้บริหารของกระทรวงคมนาคม
7) การพัฒนาระบบการจราจรและขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transport System : ITS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการจราจรและขนส่ง ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
8) โครงการ Landbridge ได้ดำเนินการศึกษาและวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงการขนส่ง ระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (ชุมพร - ระนอง) ในรูปแบบ One Port Two Sides ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และจะนำเสนอ ครม. ในปีนี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการให้ สนข. ดำเนินการเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากเอกชน ทั้งนี้ ตามแผนจะเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2568 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2573
งานที่จะดำเนินการศึกษาในอนาคต จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1) การศึกษาเพื่อจัดทำกรอบการดำเนินงานและระบบบริหารจัดการภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อภาคคมนาคมอย่างยั่งยืน (ระยะที่ 1) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำกรอบการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในภาคคมนาคม โดยมีแผนปฏิบัติการ แบ่งเป็น 3 ระยะ และจัดทำข้อมูลระบบการรายงานและบริหารจัดการข้อมูลภัยพิบัติให้มีประสิทธิภาพ และจัดทำแบบจำลอง
2) การพัฒนาระบบเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่ กทม. และพื้นที่ต่อเนื่อง
3) การพัฒนารูปแบบการกำกับดูแลและการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม
นายปัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนงานของกระทรวงคมนาคมมีความสมบูรณ์ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด สนข. ได้มีการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อรับความช่วยเหลือทางวิชาการในการพัฒนาระบบคมนาคม ประกอบด้วย
1) ประเทศญี่ปุ่น ความร่วมมือภายใต้ - บันทึกความร่วมมือ (MOC) ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) ด้านแผนงานนโยบายและเทคโนโลยีการจราจร เพื่อศึกษาความเหมาะสมการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด (นราธิวาส - สำโรง)
2) ประเทศเยอรมนี ความร่วมมือกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit: GIZ) (Technical Assistance: TA) ภายใต้ “E-Mobility Initiative for Thailand: Supporting Thailand’s Net Zero Commitments” สนับสนุนการพัฒนามาตรการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีความท้าทายของภาคขนส่ง
3) The Asian Development Bank (ADB) โครงการความช่วยเหลือด้านเทคนิค (Technical Assistance: TA) ภายใต้ “E-Mobility Initiative for Thailand: Supporting Thailand’s Net Zero Commitments”
4) ประเทศออสเตรเลีย โครงการขยายความร่วมมือด้านคมนาคมผ่านหุ้นส่วนความร่วมมือ ด้านโครงสร้างพื้นฐานและกระทรวงคมนาคม ประเทศไทย (Project on Expanding Transport Cooperation through Partnerships for Infrastructure and the Ministry of Transport : P4I - MOT)
5) ประเทศสหรัฐอเมริกา การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ(Technical Assistance : TA) ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา (U.S. Trade and Development Agency : USTDA) แผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย
นายปัญญา กล่าวตอนท้ายว่า สนข. พร้อมผลักดันขับเคลื่อนแผนงานด้านคมนาคมที่สำคัญต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติที่สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม คือ ต้องพลิกโฉมระบบคมนาคมทั่วประเทศ มุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน และเชื่อมโยงการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป