นำเสนอมาสองตอนเต็มๆ กับเรื่องราวของหนุ่มจากแดนสะตอ นาม "ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ" โฆษกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เชื่อว่าหลายคนคงได้รู้จักตัวตน ตลอดจนแนวคิดในแบบฉบับของเขาได้ดียิ่งขึ้น หลายๆ เรื่องที่เขาตั้งใจเล่า ตั้งใจสนทนากับทีมข่าว "พระ ณ สยาม" ต้องบอก ว่าธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอัศจรรย์บนเส้นทางธรรมจากการฟังเทศนาสั่งสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ที่กลายเป็นจุดพลิกผันทำให้เขาได้ลิ้มรสดื่มด่ำ ในธรรมเวลาต่อมา
รวมถึงเรื่องของมงคลวัตถุ 3 องค์ที่อยู่เคียงกายติดตัวเขามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ พิมพ์กรรมการ เนื้อว่าน ปี 2540, หลวงพ่อแดง วัดแหลมสอ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เกจิดังแห่งบ้าน ที่ผูกพันกับตัวเขามาตลอด องค์สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือพระสมเด็จวัดระฆัง และที่น่าทึ่งที่สุดเห็นจะเป็นประสบ- การณ์ครั้งสำคัญในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่าง กลุ่มคนเสื้อ เหลือง กับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีความคิดขัดแย้งเรื่องของ การแก้รัฐธรรมนูญปี50 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 ก็เป็น อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ "ธนาวุฒิ" จดจำได้มิลืม... เพราะเขาหวิดสิ้นชื่อจากการปะทะที่รุนแรงในเหตุการณ์ดังกล่าว.......
"เหตุการณ์เมื่อเดือนนั้น คนเสื้อแดงเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ผมจำได้แม่นการปะทะที่เกิด ขึ้นและยืดเยื้อช่วงนั้น ชุลมุนมาก มีการนำหนังสติ๊ก ระเบิดปิงปอง แก๊สน้ำตา ไม้กระบอง ขวดน้ำ ก้อนหิน ปาเข้าใส่ ผมและพวกก็วิ่งหนีอุตลุด สำหรับตัวผมเองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด พี่น้องผมเสียชีวิตไปหลายคน และบางคนก็เจ็บเล็กน้อย บางคนก็บาดเจ็บสาหัส" ธนาวุฒิ เล่าด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด บ่งบอกถึงความเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา พร้อมกับเอามือจับที่พระเครื่องเหมือนบอกว่า "หลวงพ่อ" ช่วยไว้
"ผมแคล้วคลาดมาตลอดไม่เคยโดนปืนผาหน้าไม้ใดๆ อาจจะมีบ้างก็บาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ อาจเป็นเพราะ เรามีมวลชนคอยดูแลด้วยก็เป็นได้ และที่สำคัญที่ทำให้แคล้วคลาดก็น่าจะเป็นเพราะพระเครื่องที่ผมเลื่อมใสศรัทธาแขวนคอติดตัวเรามาตลอดเวลาคอยคุ้มครองก็เป็นไปได้"
แต่เหตุการณ์น่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับ "ธนาวุฒิ" ยังไม่จบเท่านั้น เพราะหลังจากที่ได้วัตถุมงคลอีก 2 สิ่งซึ่งตัวเขาเองก็ให้ความศรัทธานับถือมิต่างจาก 3 องค์แรก หนึ่ง คือ พระผง "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ" วัดสะแก จ.อยุธยา เขาเล่าว่า พระองค์นี้เป็นพระใหม่สร้างเมื่อปี 2535 ได้มาเมื่อปี 2555 นายกเทศมนตรีนคร พระนครศรีอยุธยา ได้มอบให้เป็นของขวัญวันเกิด ตัวเขาให้ความศรัทธามาก อีกหนึ่งคือ "คตขนุน" หรือ "เม็ดขนุน" ธาตุกายสิทธิ์ จาก "หลวงป๋า" วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
"ธนาวุฒิ" เล่าด้วยแววตาปลื้มปีติและยิ้มน้อยๆอย่างภูมิใจว่าได้ "คตขนุน" มาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้รับจาก มือของ "หลวงป๋า" ขณะไปกราบ "หลวงป๋า" พร้อมกับ "วีระกานต์"
"หลวงป๋าท่านเห็นว่าเราเป็นนักต่อสู้ เสี่ยงอันตรายมาก เกรงว่าจะเกิดอันตรายจากฝ่ายที่ไม่ชอบเราอาจจะใช้อาวุธเข้ามาทำร้ายก็เลยให้ คตขนุน มาไว้ป้องกันตัว บอกตรงๆ ว่าดีใจมากที่ได้รับจากมือของท่านเอง นปช. หลายคนก็ได้ คตขนุน จากหลวงป๋าเหมือนกัน"
"คตขนุน" หรือ "เม็ดขนุน" ธาตุกายสิทธิ์ เป็นของขลังชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ นิยมพกติดตัวเพื่อป้องกันอันตราย โดยเฉพาะเป็นมหาอุด เขาเล่ากันว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย พบโดย เณรรูปหนึ่งได้เอาลูกขนุนมาแกะเมล็ดออกเพื่อนำเนื้อขนุนถวายพระ แต่ปรากฏว่าหลังจากแกะเนื้อออก เหลือแต่เม็ด บางเมล็ดกลับมีน้ำหนักมากกว่าปกติ และเมื่อแกะเยื่อหุ้มออกปรากฏว่าเมล็ดขนุนนั้นกลับเป็นโลหะสีเหลืองทอง แทนที่จะเป็นสีน้ำตาลเหมือนเมล็ดขนุนทั่วๆ ไป ทั้งยังมีน้ำหนักและความแข็งมากกว่าปกติหลายเท่า ซึ่งเชื่อกันว่าไม่มีพลังใดจะแก่กล้าเท่าคตขนุนทองคำได้เลย จะมีก็แต่เพียงเหล็กไหลชั้นหนึ่งโกฏิปีสีเขียวปีกแมลงทับเท่านั้นที่มีพลังเทียบเท่าได้ "คตขนุนทองคำ" นี้จึงเป็นสุดยอดของ "คต" เป็นหนึ่งไม่มีสองรองวัตถุมงคลใดๆ
"ธนาวุฒิ" ยังเล่าถึงประสบการณ์เฉียดตายเมื่อ10 เม.ย. 53 กับเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่มีการปะทะกันอย่างรุนแรง ทั้งจากเจ้าหน้าที่และ ผู้ไม่หวังดี ว่า "เหตุการณ์ เมื่อปี 51 ว่ารุนแรงแล้วนะ แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่าการต่อสู้เมื่อเดือนเมษายนปี53 เหตุ-การณ์ครั้งนั้นเป็นอะไรที่ร้ายแรงที่สุดแล้วในชีวิตจริง ชุลมุน วุ่นวายตายกันมาก บาดเจ็บกันก็มาก ก็อย่างที่เห็นๆ กัน นึก ถึงแล้วก็รันทด หดหู่ สารพัดอาวุธที่พุ่งมายังกลุ่มเสื้อแดง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ แกนนำนปช.หลายคนที่ได้ใส่พระ อย่าง เช่น ตู่-จตุพร ก็มีคนมาบอกว่า เขากำลังถูกจ้องทำลาย แต่ พอจะมาทำร้ายกลับมองเขาไม่เห็นอย่างนี้เป็นต้น กรณีผมก็อาจจะอยู่ในลักษณะนั้นด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าเราก็ไม่ใช่ ตัว บิ๊กเบิ้ม ที่จะมีใครจ้องทำร้าย"
และด้วยเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณ สี่แยกราชประสงค์เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ได้มีเรื่องเล่า จากผู้รอดชีวิตว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นมีทั้งสไนเปอร์ หัวลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 ถูกยิงตกลงมาหลังเวทีผู้ชุมนุม แต่ กลับไม่ระเบิดซักลูก ผู้ชุมนุมรอดตายกันแบบปาฏิหาริย์...
ตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์ เขายังเล่าว่าส่วนตัวเชื่อมากในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ แต่สำหรับตนเชื่อในเรื่องพุทธคุณ เพราะถ้าเราทำดี สร้างความดี พระก็คุ้มครอง เพราะยังถ้าไม่ถึงฆาต ก็คงแคล้วคลาดปลอดภัย ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย แต่ว่าถ้าคนใดถึงคราวตาย อะไรก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน พร้อม กับเล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งล่าสุดให้ฟังว่า ...เกิดขึ้นขณะไปช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หาเสียงเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา...
เอี๊ยดดดด...ปัง ปัง ปัง เสียงรถยนต์เบรก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงชน รถ "ธนาวุฒิ" ถูกชนท้ายสภาพยับบู้บี้เกือบครึ่งคัน "เหตุการณ์ตอนนั้นเกิดขึ้นช่วงไปช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ หาเสียงแถวย่านฝั่งธน กำลังจะเดินทางต่อไปหาเสียงอีกที่หนึ่ง ก็ขับรถตามๆ กันมา ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าจะเกิดอุบัติเหตุเลย ผมก็ขับรถตามมา อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรถยนต์เบรก ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับรถคันหน้า รถผมก็เบรก แต่ไม่ชนรถคันหน้า แต่รถที่ขับตามหลังผมกลับเสยท้ายรถผมบี้เลย ชนกัน 3 คันซ้อน ตัวผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ปลอดภัยทุกอย่าง"
"ตอนที่ถูกชนท้ายก็ตกใจนะ เพราะกระแทกแรงมาก มือก็จับพระเครื่องที่คล้องอยู่ที่คอ ในใจก็นึกถึงหลวงปู่ทวด นึกถึงหลวงพ่อทุกองค์ที่ติดตัวเรา เฮ้ย...(ถอนหายใจ) รอดแล้วเรา"
เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงบางช่วง บางตอน ที่ "ธนาวุฒิ" ได้ประสบพบมา และนำมาบอกเล่าให้ ทีมงาน พระ ณ สยาม ฟัง ถึงเหตุการณ์ "น่าอัศจรรย์ใจ" เกิดขึ้น หลังจากที่ได้ครอบครองพระเครื่องด้วยจิตที่ศรัทธา