3 บริษัทฯ ยักษ์ ปิดดีล 2.5 ลบ. ผนึกกำลังตั้งบริษัท “FAB” ลุยธุรกิจอาหารมูลค่า 4.8 แสน ลบ. สร้างครัวกลางใช้วัตถุดิบแหล่งเดียวกัน ลดต้นทุนกว่า 3% สู้สภาวะ ศก. ฝืด

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2567

3 บริษัทฯ ยักษ์ ปิดดีล 2.5  ลบ.  ผนึกกำลังตั้งบริษัท “FAB” ลุยธุรกิจอาหารมูลค่า 4.8 แสน ลบ. สร้างครัวกลางใช้วัตถุดิบแหล่งเดียวกัน ลดต้นทุนกว่า 3% สู้สภาวะ ศก. ฝืด


นายฉาย บุนนาค รักษาการประธานกรรมการบริหาร บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA กล่าวว่า บริษัทเราในฐานะ Investment Company ซึ่งเรามีจุดแข็งในการบริหารการลงทุนที่มีความหลากหลาย ทั้งธุรกิจนวัตกรรมด้านการเงิน (Fintech) ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ฯลฯ รวมทั้งธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม มีแบรนด์ดังอย่างร้านราเมงเดส และจากผ่านมาเราได้เจอกัยสถานการณ์วิกฤติในเรื่องโรคระบาด มาจนขณะนี้ในเรื่องของความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศที่ท้าทาย แต่ธุรกิจร้านอาหารยังคงเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทได้มีการร่วมทุน 3 บริษัทฯ ธุรกิจร้านอาหารปิดดีลมูลค่า 2,500 ล้านบาท  เปิดบริษัท เอฟเอบี ฟู้ดโฮดิ้ง จำกัด หรือ “FAB” ซึ่งมาจากอักษรตัวแรกของทั้ง 3 บริษัทฯ ได้แก่ FOOD FACTORS บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด, AQUA บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ BEER ใบหยก โดย AQUA ถือ 51% สร้าง Synergy ร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแรง บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด 40% นายปิยะเลิศ ใบหยก 9% โดยกระบวนการจัดโครงสร้างเพื่อเป็นไปตามแผนข้างต้นจะมีหลายขั้นตอน และคาดจะแล้วเสร็จภายในตุลาคม 67 และ ได้แต่งตั้ง ปิยะเลิศ - เบียร์ ใบหยก นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) เติมสีสัน สร้างไอเดีย ขับเคลื่อนธุรกิจร้านอาหาร ที่ปัจจุบันประกอบด้วยร้านราเมงเดส, ร้านซานตาเฟ่, ร้านซานตาเฟ่ อีซี่, ร้านเหม็ง แซ็ปนัว, ร้านส้มตำเจ๊แดงสามย่าน, ร้านเซไค โนะ ยามะจัง, ร้านอุชิดายะ ราเมน และร้านอิคโคฉะ ราเมน มั่นใจธุรกิจร้านอาหารยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก สอดรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชื่นชอบการรับประทานอาหารนอกบ้านในร้านอาหารที่มีความหลากหลาย

ด้าน นายปิยะเลิศ ใบหยก ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เอฟเอบี ฟู้ดโฮดิ้ง จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของ FAB จะเน้นที่กลุ่ม Young generation ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลมากที่สุดในตลาดปัจจุบัน  เพราะมีการตัดสินใจที่เฉียบขาด กล้าที่จะใช้จ่ายกับสินค้าและการบริการที่คิดว่าตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอง และในขณะเดียวกันก็คงรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ด้วย เราพยายามหาจุดเด่นของตัวเอง เพื่อเจาะเข้าถึงตัวลูกค้าได้และต้องเป็นผู้นำทุกเทรนด์ ที่สำคัญคือความจริงใจต้องมาก่อน เราจึงจะสามารถครองใจผู้บริโภคได้ โดยเราได้วางแผนรุกธุรกิจดังกล่าวภายใต้กลยุทธ์ ดังนี้ 1. จะทำการรีเฟรชแบรนด์ที่มีอยู่ ดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่ โฟกัสที่แบรนด์เรือธงอย่างซานตาเฟ่ ที่มีฐานลูกค้ามากที่สุด ภายใต้งบลงทุนที่วางไว้ราว 40-50 ล้านบาท สำหรับการทำการตลาด ปรับภาพลักษณ์และกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ารุ่นใหม่ 2. เตรียมขยายพอร์ตแบรนด์ใหม่ เสริมความแข็งแกร่ง ตั้งเป้าเพิ่มแบรนด์ใหม่ 1 แบรนด์ต่อปี มุ่งเน้นแบรนด์ที่มีศักยภาพสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว 3. ขยายสาขาในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ โดยตั้งเป้าขยายเพิ่ม 40-50 สาขาภายในปีหน้า นำโดยร่อง แบรนด์เจ๊แดง สามย่าน เข้าไปทำตลาดก่อน และ 4. ตั้วเป้าจะมีการเปิดแฟลกชิปสโตร์ รวม 8 แบรนด์ บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ย่านทาวน์อินทาวน์ และการเปิดร้านปิ้งย่างเพื่อเสริมพอร์ตธุรกิจในปี 2568 ด้วย

“ด้วยมูลค่าตลาดธุรกิจร้านอาหารในปี 2566 ที่สูงกว่า 4.3 แสนล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีการขยายตัว 5-7% ส่งผลให้มีมูลค่าราว 4.8 แสนล้านบาท การร่วมมือกันตั้ง “เอฟเอบี ฟู้ดโฮดิ้ง” จัดทัพ 8 แบรนด์ร้านอาหาร เดินหน้ารีเฟรชแบรนด์ ขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด พร้อมปั้นแบรนด์ใหม่ คาดว่าสิ้นปีนี้จะสร้างรายได้แตะ 1,700 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน”

ด้าน นายภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบุญรอดฯ ตลอดระยะเวลากว่า 90 ปีที่ผ่านมามีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บริษัทมองเห็นโอกาสในการพัฒนายกระดับสินค้าและบริการในกลุ่มร้านอาหาร ภายใต้บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด ให้ดียิ่งกว่าเดิม จึงร่วมมือกับอควา คอร์เปอเรชั่น และคุณปิยะเลิศ ใบหยก ซึ่งแต่ละบริษัทมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ดังนั้นจะนำความถนัดและจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาผนึกกำลังกัน เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการ รวมถึงประสบการณ์ที่ดี ให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด

“สำหรับการร่วมมือ 3 กลุ่ม บริษัทใหญ่ ในครั้งนี้ มองว่าจะเป็นข้อดีท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายในขณะนี้ในเรื่องทุกร้านในเครือสามารถใช้วัตถุดิบจากแหล่งเดียวกันได้เมื่อสั่งจำนวนมากต้นทุนก็ลดลงตาม ปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบลดลงกว่า 3% โดยอนาคตเราจะมีการครัวกลางในการกระจายการจัดจำหน่ายอาหารภายใต้แบรนด์ทั้งหมดที่เรามีด้วยโดยตั้งเป้าว่าถ้าระบบบริหารจัดการหลังบ้านทุกอย่างเข้าที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน”



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ