บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ หรือ SJWD ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ทำกำไรสุทธิ 514.8 ล้านบาท เติบโต 298% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น รับฝากและบริหารยานยนต์ ขนส่งสินค้าหลายรูปแบบ ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ขยายตัวดี และมีกำไรพิเศษหลังหักค่าใช้จ่ายจากการเข้าซื้อหุ้น “SWIFT” ในมาเลเซียที่ราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม มองแนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง เตรียมรับรู้รายได้จาก SCG Inter VN ในเวียดนามหลังเข้าถือหุ้น 100% ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นที่มีดีมานด์ต่อเนื่อง และปัจจัยบวกหลากหลายรวมถึงเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจ
ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 สะท้อนความสามารถการทำกำไรของบริษัทฯ ที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในอย่างต่อเนื่อง หลังจากรวมกิจการแล้วเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา โดยรายได้รวมของบริษัทฯ อยู่ที่ 5,845.9 ล้านบาท ลดลง 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 13.4% จาก 12.0% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 514.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 298% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิดังกล่าวมาจากการดำเนินงาน 175.4 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากความสำเร็จในการเข้าลงทุนในบริษัท Swift Haulage Berhad หรือ SWIFT ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียที่ราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยผู้ประเมินอิสระหลังหักค่าใช้จ่ายพิเศษในไตรมาส 2/2567 แล้ว ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของบริษัทฯ ในการลงทุนขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ธุรกิจที่เติบโตได้ดีในไตรมาส 2/2567 ได้แก่ (1) ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น มีรายได้ 245.4 เพิ่มขึ้น 33.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีความต้องการเช่าพื้นที่รองรับการจัดเก็บปลาและสัตว์ทะเลที่จับได้ในปริมาณมากขึ้น (2) ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ มีรายได้ 253.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (3) ธุรกิจการขนส่งสินค้าหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) มีรายได้ 209.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (4) ธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศครบวงจร (Freight) แม้รายได้ 334.3 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 380.4 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีศักยภาพการทำกำไรที่ดีขึ้น สะท้อนจากอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 24.5% จาก 22.8% เมื่อช่วงเดียวกันของปีก่อน และ (5) ธุรกิจต่างประเทศ มีรายได้ 809.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้แทนเอกสารกระบวนการพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) และผสานความร่วมมือกับบริษัทที่เข้าลงทุน ได้แก่ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI ผู้ให้บริการตัวแทนขายและบริหารพื้นที่ขนส่งสินค้าทางสายการบิน (GSA) รวมถึงมีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ในไตรมาส 2/2567 เพิ่มขึ้นเป็น 101.7 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน 41.5 ล้านบาท เช่น ส่วนแบ่งกำไรจาก Transimex ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำแบบครบวงจรในประเทศเวียดนามที่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น, แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมพร้อมบริการครบวงจรที่เปิดให้บริการคลังสินค้าแห่งใหม่, บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) ผู้นำธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน และสยาม เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชิ้นส่วนยานยนต์แบบครบวงจร ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจัดกิจกรรม
โลจิสติกส์แก่ลูกค้า
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้รวม 12,130.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 678.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยจากรายได้ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ และธุรกิจขนส่งสินค้าหลายรูปแบบ ที่เติบโตได้ดีในไตรมาส 2/2567 และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน SJWD กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวก ได้แก่
(1) การเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล เวียดนาม จำกัด (SCG Inter VN) โดยปัจจุบัน SCG Inter VN มีรายได้ปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท
(2) ธุรกิจโลจิสติกส์เข้าสู่ไฮซีซันในครึ่งปีหลัง
(3) โครงการลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะทยอยออกมาในครึ่งปีหลัง เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์
(4) ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นคาดว่าจะมีรายได้เติบโตจากปีก่อน เนื่องจากมีความต้องการจัดเก็บปลาและอาหารทะเลเพิ่มขึ้นเนื่องจากสามารถจับสัตว์น้ำได้ในปริมาณมากขึ้น
(5) บริษัทฯ เตรียมรับงานโลจิสติกส์แก่ผู้ประกอบการรถ EV จากจีนที่เข้ามาจัดตั้งโรงงานในไทยและเตรียมเริ่มการผลิตในเร็ว ๆ นี้
(6) ค่าระวางหรือค่าขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและปัจจุบันทรงตัวอยู่ในระดับสูง
(7) การทำ Optimization เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการแก่ลูกค้า
(8) บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาขยายการลงทุนด้วยวิธี M&A นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและรองรับแผนงานขยายธุรกิจที่วางไว้