การเดินทางไปยังเกาะช้าง จังหวัดตราด ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย กำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยโครงการ “ทางด่วนเชื่อมเกาะช้าง” วงเงินลงทุน 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามเกาะผ่านทางพิเศษเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ ลดระยะเวลาเดินทาง และเสริมศักยภาพเศรษฐกิจของจังหวัดตราดและชุมชนบนเกาะช้างอย่างมีนัยสำคัญ
รายละเอียดโครงการและแผนการก่อสร้าง
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะช้างนี้มีระยะทาง 10 กิโลเมตร โดยมีงบประมาณก่อสร้างและควบคุมงาน 13,000 ล้านบาท และค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันการศึกษาโครงการอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยพบว่ากว่า 95% ของผู้ให้ความคิดเห็นสนับสนุนการก่อสร้าง ทั้งนี้ กทพ. ได้จ้างที่ปรึกษาศึกษาโครงการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2569
นอกจากนั้น ทางพิเศษนี้ยังมีแผนก่อสร้างเป็นทางพิเศษ 4 ช่องจราจร แบ่งเป็น 2 ช่องสำหรับการเดินทางไปเกาะ และ 2 ช่องสำหรับขากลับจากเกาะ ซึ่งมีการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มช่องทางสำหรับรถจักรยานยนต์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของชาวบ้านในพื้นที่ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดหากดำเนินการ
การลงทุนรูปแบบ PPP และการเปิดให้บริการ
โครงการดังกล่าวมีแผนเปิดการประมูลในปี 2571 ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในเดือนเมษายน 2572 ใช้เวลาการก่อสร้างประมาณ 4 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนเมษายน 2576 ซึ่งจะทำให้การเดินทางข้ามไปยังเกาะช้างสะดวกสบายขึ้นมาก ลดระยะเวลาเดินทางจากการใช้เรือเฟอร์รี่ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาที เหลือเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น
ผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจ
การสร้างทางด่วนเชื่อมเกาะช้างจะไม่เพียงแต่ลดระยะเวลาการเดินทาง แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก รองรับปริมาณการจราจรที่มากกว่า 2,000-3,000 คันต่อวัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ธุรกิจในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และบริการต่างๆ
กทพ. ยังได้ตั้งเป้าหมายให้ทางด่วนสายนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับ 3 ของประเทศ รองจากเกาะภูเก็ตและเกาะสมุย ซึ่งจะทำให้เกาะช้างกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญในระดับสากลมากยิ่งขึ้น
ความท้าทายและทางเลือกเส้นทาง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการต้องพิจารณาแนวเส้นทางที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด โดยการเลือกแนวเส้นทางที่ผ่านพื้นที่ทะเลต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกระแสลม ความลึกของทะเล และเส้นทางการเดินเรือต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อระบบนิเวศน์ในพื้นที่ ทั้งนี้ มีการเสนอแนวเส้นทางเลือก 4 เส้นทาง โดยแนวเส้นทางที่ 1 คาดว่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากสามารถหลีกเลี่ยงพื้นที่ปะการังและมีความคุ้มทุนสูงสุด
บทสรุป
โครงการทางด่วนเชื่อมเกาะช้างนับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าที่จะช่วยยกระดับทั้งด้านการคมนาคมและเศรษฐกิจของจังหวัดตราดและเกาะช้างอย่างมีนัยสำคัญ หากทุกขั้นตอนดำเนินการได้อย่างราบรื่น ไม่เพียงแค่การเดินทางจะสะดวกขึ้น แต่ยังช่วยเสริมศักยภาพให้เกาะช้างเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในระดับโลก