ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมประกันมีความมั่นคงมากขึ้น และมี Momentum ที่ดี ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 นี้ ผลการดำเนินงานของเราเติบโตต่อเนื่อง และรายได้จากการให้บริการขยายตัวได้ดี ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตแบบ Organic ของผลิตภัณฑ์ประกัน โดยเฉพาะประกันรถยนต์ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของเรา ด้วยอัตราการต่อประกันที่สูง จากลูกค้าที่ไว้วางใจและได้รับความสะดวกสบายในการต่ออายุประกัน อีกทั้งยังมีโอกาสในการเติบโตจากลูกค้าใหม่เช่นกัน รวมไปถึงประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เติบโตต่อเนื่องมาทุกไตรมาส โดยใน 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายเบี้ยประกันรถ EV เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามแนวโน้มความนิยมรถ EV ในไทย”
ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า “ในไตรมาสที่ผ่านมานี้ การเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยงวด 3 เดือนในไตรมาส 3/2567 รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 10.8% และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 8.4% และรายได้รวมแตะระดับเกิน 3 พันล้านบาทเป็นครั้งแรก อยู่ที่ 3,043.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยประกันรถยนต์ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าดี มีการต่ออายุประกันมากกว่า 70% และยังมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น จากการที่เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ซึ่งตรงความต้องการ เหมาะกับลูกค้า segment ใหม่ๆ นอกจากนี้ เรายังเตรียมความพร้อมทีมขายทุกช่องทางรองรับช่วง High season ของธุรกิจประกัน ในไตรมาส 4 ทั้งการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพของทีมงานให้สามารถพร้อมบริการลูกค้าอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม TQM ยังเริ่มบุกตลาดประกันชีวิตรายเดี่ยว ต่อยอดจากฐานลูกค้าประกันวินาศภัยในปัจจุบันของบริษัทที่มีอยู่กว่า 3 ล้านราย โดยมีเป้าหมายไปจนถึงสิ้นปี 2568 คาดว่าจะทำยอดเบี้ยประกันประมาณ 2,000 ล้านบาท TQM เชื่อว่าช่วงไตรมาส 4 นี้ ที่ลูกค้ามองหาผลิตภัณฑ์ประกันเพื่อลดหย่อนภาษี จะเป็นจังหวะเหมาะสมในการรุกตลาดประกันชีวิตเพื่อนำเสนอตัวเลือกประกันที่หลากหลายให้กับลูกค้า อีกทั้งยังมี TQC ที่เป็นที่ปรึกษาด้านประกันสุขภาพและเคลมประกันให้กับลูกค้า ช่วยรองรับการให้บริการอย่างครบวงจร ยิ่งไปกว่านี้ TQM ยังบุกช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชอบเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ ตัดสินใจซื้อด้วยตนเอง และชำระเงินผ่านออนไลน์ทั้งหมดโดยไม่ต้องติดต่อกับพนักงาน และนอกเหนือไปจากการขาย TQM ยังใช้ช่องทางออนไลน์สำหรับการบริการลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วอีกด้วย
นอกจากนี้ กำไรที่เติบโต ยังมีส่วนมาจากบริษัทในกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น และในไตรมาสนี้ ได้รวมผลการดำเนินงานของบริษัท มายกรุ๊ป อินเทลลิเจนท์ จำกัด เข้ามาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในปี 2567 คาดว่ามายกรุ๊ปจะทำกำไรได้มากกว่า 70 ล้านบาท ส่วนธุรกิจบริการทางการเงิน ที่ดำเนินการโดย บริษัท อีซี่ เลนดิ้ง จำกัด เติบโตต่อเนื่อง และบริหารจัดการความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อได้ดี โดยตลอดระยะเวลาที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 3 ปี มีหนี้เสีย (NPL) ต่ำกว่า 0.50% โดยสินเชื่อเพื่อการซื้อประกัน ยังเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ความเสี่ยงต่ำ มีส่วนช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับลูกค้า ทำให้ธุรกิจประกันเติบโตได้อีกทาง อีกทั้งยังเสริมด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออื่นๆ ที่ทำให้บริหารความเสี่ยงได้เหมาะสม รวมถึงสินเชื่อที่มีหลักประกันความเสี่ยงต่ำ เช่น ทอง และสินค้า Luxury สามารถบริการลูกค้าได้หลากหลาย และล่าสุด อีซี่ เลนดิ้ง มีแผนที่จะเสนอขายหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 600 ล้านบาท ในวงจำกัด (Private Placement) เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ