บริษัท ซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ซีพีเอฟซี) พลิกโฉมพื้นที่รีเทลในโครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค (True Digital Park) เป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ย่านสุขุมวิทตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกวันภายใต้ brand promise “ไลฟ์” (life) พร้อมผุดแคมเปญ “Life Starts Here” เติมเต็มสีสันด้วยความครบครันของร้านอาหาร ร้านแบรนด์สินค้าหลากหลาย และบริการมากมายที่ได้รับความนิยม ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 250 ร้าน และจะยังคงมีร้านที่โด่งดังตบเท้าเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยฟีเจอร์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เลือกสรรมาให้สอดคล้องกับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันอย่างครบวงจร ปูทางสู่มิติใหม่แห่งการใช้ชีวิตที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว ตอบโจทย์สำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัวเพื่อให้เข้ามาใช้บริการได้ทุกวัน
ปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิซดอม แลนด์มาร์ก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (WLC) บริษัทเจ้าของโครงการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ซีพีเอฟซี) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในเครือซีพี ผู้รับหน้าที่บริหารศูนย์การค้าภายในโครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดเผยว่า “โครงการ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยี และ สตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งคอมมูนิตี้ของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเรื่องนวัตกรรมล้ำสมัย ทั้งยังเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “One Roof, All Possibilities” หรือที่เดียวทุกความเป็นไปได้ตั้งอยู่ใจกลางย่านนวัตกรรมต้นแบบด้านดิจิทัลของประเทศไทย นอกจากโครงการจะประกอบไปด้วยบริษัทสตาร์ทอัพ บริษัทด้านดิจิทัล เทคโนโลยีแล้ว ยังเชื่อมโยงไปยังธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า โคเวิร์คกิ้งสเปซ (co-working space) ห้องประชุมหลากหลายขนาด และห้องจัดสัมมนาขนาดใหญ่ที่ทันสมัย ซึ่งถือเป็นอีโคซิสเท็ม (ecosystem)
ที่ครบวงจรสำหรับทุกคน”
“ล่าสุดทางโครงการได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงในส่วนของพื้นที่รีเทลภายใต้พันธกิจ brand promise “life” ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาของซีพีเอฟซีในการยกระดับประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน และตั้งมั่นในการมอบบริการที่ดีที่สุดเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ของลูกค้าอย่างครบวงจรด้วยการรีโนเวทจัดพื้นที่ศูนย์การค้าใหม่ทั้งหมด ควบคู่ไปกับการนำเสนอร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ใหม่ๆ เช่น Uniqlo, OWNDAYS, ทองสมิทธิ์, Nose Tea, Boost Juice, Omakase Don, แก้วไก่กรอบ, บ้านหญิง,Fatt Chicken Rice เป็นต้น และหลังจากยุคโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไป เทรนด์ความต้องการของลูกค้าได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความต้องการแบบ new normal คือการใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น เราจึงเพิ่มร้านประเภทกีฬาเพื่อเป็นทางเลือก อาทิ Decathlon, Ari, Skechers และ Sportsworld นอกจากร้านค้าที่หลากหลาย ยังมีบริการด้านไลฟ์สไตล์ที่ครบครัน พร้อมมีการจัดเตรียมพื้นที่อีเว้นท์ร้านค้าที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่เสมอเพื่อสร้างสีสันตลอดเวลา”
ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ในส่วนพื้นที่รีเทลจึงมีการออกแคมเปญการตลาด “Life Starts Here” มุ่งเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว ซึ่งเรายังคงมีแผนพัฒนาศูนย์การค้าให้เพื่อ “ไลฟ์”สไตล์ที่ครบครันมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยปลายปี 2567 นี้ ถึงปี 2568 จะมีร้านค้าใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย อาทิ EVEANDBOY, % Arabica, Bartels, ข้าวหน้า, ตำกระเทย สาเกต, อีเจ้แจ่วฮ้อน, หมูกระเทย, JIAN CHA Tea เป็นต้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาพื้นที่รีเทลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเพิ่มพื้นที่สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่พร้อมพื้นที่สีเขียวสำหรับเด็กๆ และพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกสมาชิกในครอบครัวในทุกเวลา และโอกาส”
ปพิตชญา กล่าวเสริมว่า “หลังจากที่เราได้มีการเปลี่ยนโฉมพื้นที่รีเทล พบว่าตั้งแต่ไตรมาส 1 - ไตรมาส 3 ปี 2567 มีผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 25% หรือโดยเฉลี่ย 15 ล้านคนต่อปี เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 และมียอดการเข้าร่วมกิจกรรม และแคมเปญต่างๆ ทั้งปี เพิ่มขึ้นกว่า 30% แสดงให้เห็นว่าการปรับปรุงพื้นที่รีเทลของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ภายใต้สัญญา “life” ในครั้งนี้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเราให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าในทุกด้านอย่างสูงสุด เราจึงได้นำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายแบบไร้รอยต่อ อาทิ การชำระเงินด้วยระบบดิจิทัล (Cashless Payment) บริการ Wifi ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายกับระบบสมาชิกศูนย์การค้า ทรู ดิจิทัล พาร์ค (True Digital Park) ผ่านช่องทาง Line Official ที่ปรับปรุง และพัฒนาเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถรับสิทธิประโยชน์เฉพาะสำหรับสมาชิกได้สะดวกยิ่งขึ้น”
“ศูนย์การค้าภายในโครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีเพื่อมอบความสะดวกสบายให้ลูกค้า เราจึงได้จัดเตรียมบริการด้านการเดินทางในรูปแบบ Ride Sharing ผ่านแอปพลิเคชัน Muvmi และบริการ Car Sharing เช่ารถผ่านแอปพลิเคชัน Haup เป็นต้น นอกจากนี้เรายังใช้นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนในส่วนของการบริหารจัดการภายในอาคาร เพื่อให้เป็นโครงการที่ประหยัดพลังงานสูงสุดอีกด้วย”
ทั้งนี้ การออกแบบประสบการณ์ของลูกค้าภายในโครงการ ทรู ดิจิทัล พาร์ค มุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญของชีวิต ได้แก่
· Live: มอบประสบการณ์การใช้ชีวิตประจำวันที่สะดวกสบาย ครบครัน ด้วยความเป็นพื้นที่มิกซ์ยูสทั้งส่วนของอาคารสำนักงาน โครงการที่พักอาศัย Whizdom 101 และพื้นที่รีเทล ทรู ดิจิทัล พาร์คโดยในส่วนของศูนย์การค้าประกอบไปด้วยร้านอาหารหลากชนิดและคาเฟ่ชื่อดังกว่า 100 ร้าน พร้อมด้วยศูนย์อาหาร Lotus’s Eatery บนพื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม.ที่ประกอบด้วยร้านอาหารระดับ Michelin Bib Gourmand และ Street Food มากมายกว่า 50 ร้าน รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายอุปกรณ์กีฬา ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขายเครื่องสำอาง ร้านขายแก็ดเจ็ตและอุปกรณ์ไอที ร้านขายยา ร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยง ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด คลินิกด้านสุขภาพ และความงาม ธนาคาร ฯลฯ รวมทั้งสิ้นกว่า 250 ร้าน อีกทั้งยังมีลานจัดกิจกรรมและอีเว้นท์บูธขายสินค้าทั้งภายใน และภายนอกอาคารอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
· Work: พื้นที่สำหรับคนทำงาน และคนรุ่นใหม่ มุ่งเน้นตอบโจทย์คนสายเทคฯ และนวัตกรรม ซึ่งนอกจากจะมีอาคารสำนักงานที่มีผู้เช่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มีชื่อเสียงทั้งในระดับโลกและระดับประเทศแล้วยังมีพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซ (Co-Working Space) ห้องประชุม ห้องสัมมนา และห้องเวิร์คช็อป (workshop) สำหรับการจัดอีเว้นท์หลากหลายขนาด ไปจนถึง Grand Hall ขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการจัดอีเว้นท์ได้มากสุดถึง 700 คน และยังสามารถปรับเปลี่ยนขนาดห้องให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าธุรกิจเพื่อจัดงานได้ พร้อมมีระบบจอดรถทั้งแบบธรรมดา และอัตโนมัติคอยอำนวยความสะดวก ซึ่งการพัฒนาพื้นที่รีเทล การมีร้านค้า ร้านอาหารใหม่ ๆ รวมถึงอีเว้นท์บูธขายสินค้า ยังเป็นการเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนทำงานนี้อีกด้วย
· Learn: เติมเต็มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับทั้งคนทำงาน และบุคคลทั่วไป กับพื้นที่สารพัดประโยชน์
เช่น โคเลิร์นนิ่งสเปซ (co-learning space), อุทยานการเรียนรู้ TK Park, สถานที่จัดแสดงงานศิลปะ (TDPK Studio) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนที่ชื่นชอบ และสามารถนำไปต่อยอดทางความคิดอื่นๆ ได้ ทั้งยังมีส่วนลดร้านค้า และบริการต่างๆ ให้กับนักเรียน/นักศึกษาที่เข้ามาใช้บริการ
· Play: มอบไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงได้ทุกคน เริ่มตั้งแต่การมีพื้นที่เพื่อสุขภาพอย่าง Sky Track หรือลู่วิ่งลอยฟ้าใจกลางเมืองในร่มกึ่งกลางแจ้ง ที่มีระยะทางยาวที่สุด โดยมีระยะทางต่อรอบ 540 เมตร พร้อมชมวิวอันสวยงามของกรุงเทพมหานคร เปิดให้บุคคลทั่วไปมาลงทะเบียนเพื่อใช้บริการได้ฟรี พร้อมมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ สมาร์ทล็อกเกอร์ และที่จอดรถ นอกจากนี้ยังมีฟิตเนสเซ็นเตอร์Virgin Active สาขาแฟล็กชิปใหญ่ที่สุดในเอเชีย อีกทั้งยังเป็นโครงการ Pet-Friendly ตอบโจทย์พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เป็นสมาชิกในครอบครัว นอกจากนี้ยังมีสนามเด็กเล่น และสวน Sky Gardenในพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร เพื่อให้ผู้ใช้บริการเข้ามาสัมผัสธรรมชาติผ่านพื้นที่สีเขียว เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเพื่อชาร์จพลัง และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำไปต่อยอดสำหรับการเรียน การทำงานและธุรกิจ
“ทรู ดิจิทัล พาร์ค ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 101 และซอยสุขุมวิท 101/1 ปัจจุบันมีทั้งหมด 2 อาคาร เชื่อมต่อกันในเชิงกายภาพด้วย Sky Garden สวนสีเขียวขนาดใหญ่ และลู่วิ่งลอยฟ้า Sky Track โดยมีชื่อเรียกอาคารทั้งสองว่าทรู ดิจิทัล พาร์ค อีสต์ (East) และ เวสต์ (West) เชื่อมต่อสถานี BTS สถานีปุณณวิถี ใกล้ทางด่วนสุขุมวิท 62ทำให้เดินทางสู่ทุกทิศทางของกรุงเทพมหานครได้อย่างครอบคลุม จึงเหมาะกับครอบครัว วัยทำงาน และนักเรียนนักศึกษา ที่มองหามากกว่าแค่สถานที่พักผ่อน แต่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ใส่ใจความยั่งยืนพร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สนับสนุนชุมชน พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้ามาใช้บริการ สะดวกสบายมากที่สุด” ปพิตชญา กล่าวทิ้งท้าย