นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่มีความท้าทายคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากสภาวะตลาดที่ยังไม่เอื้ออำนวย แต่ส่งผลกระทบต่อเอ็ม บี เค ไม่มากนัก เนื่องจากเป็นการขายโครงการเดิมที่มีอยู่ รวมทั้งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่พัฒนาบนพื้นที่ของเอ็ม บี เคเอง นอกจากนี้เอ็ม บี เคยังมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งมีการควบคุมงบลงทุนต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การดำเนินงานในภาพรวมของเอ็ม บี เค ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้รวมเป็นจำนวน 8,226 ล้านบาท เติบโต 12% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ สำหรับสิ้นไตรมาส 3/2567 เป็นจำนวน 2,112 ล้านบาท และเติบโต 68 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเติบโตที่ผ่านมาหลัก ๆ มาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการภาคธุรกิจการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว หรือ ธุรกิจกอล์ฟ เป็นต้น
ด้าน ธุรกิจศูนย์การค้า โดยเฉพาะ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวมีการเติมเต็มพื้นที่เช่าได้เต็มพื้นที่ และในส่วนของทราฟฟิคอยู่ที่ประมาณ 80,000 -100,000 คนต่อวัน ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 อีกด้วย สำหรับศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ได้มีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยเสร็จแล้วในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 และได้มีการจัดฉลองโฉมใหม่อย่างเป็นทางการ Paradise Park Good Life Celebration เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2567ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ได้รับอนิสงค์จากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจคือชาวต่างชาติ คิดเป็นประมาณ 90% ของลูกค้าทั้งหมด นอกจากนี้ยังการปรับปรุงห้องพักอย่างเพื่อให้ทันสมัยอยู่เสมอ โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ได้มีการปรับปรุงห้องพักครบแล้ว สำหรับ โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท และลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา อยู่ระหว่างทยอยปรับปรุงห้องพัก ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี รวมทั้งในปีนี้มีโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ โรงแรมทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพ ข้าวสาร ในส่วน ธุรกิจกอล์ฟ ปีที่ผ่านมา สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ ได้รับความไว้วางใจ สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ให้เป็นสนามแข่งขันกอล์ฟไทยแลนด์ โอเพ่น 4 ปีต่อเนื่อง
สำหรับในปี 2568 เอ็ม บี เค วางงบการลงทุนดำเนินธุรกิจทั้งหมดใน 7 ธุรกิจที่มีไว้ราว 1,000 ล้านบาทโดยยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อกลยุทธ์ด้านการตลาดเพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไป อาทิ ธุรกิจศูนย์การค้า ยังคงเน้นการตลาดแบบ Targeted Marketing รู้จัก รู้ใจลูกค้า โดย ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับลูกค้าต่างชาติ ที่ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จัก เช่น MBK Center Fight Night และ โขน นาฏยศาสตร์แห่งแผ่นดิน อีกทั้งยังได้มีการจัดทำ Social Media Marketing ไปยังกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น ชาวจีน และมีการทำ Merchandise Mix อย่างเหมาะสม โดยได้ดึงร้านค้าที่ได้รับความนิยมจากคนไทย เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าชาวไทย
ส่วนธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว เติบโตได้โดย โรงแรมทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพ ข้าวสาร เปิดให้บริการเป็นปีที่ 2 ซึ่งได้รับผลตอบรับค่อนข้างดีในปีที่ผ่านมา และอัตราเข้าพักเต็มในช่วงเทศกาล รวมทั้ง โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ได้มีการเปิดร้านอาหารฟิวชั่นและร้านขนมฝรั่งเศส ในปีที่แล้ว คือร้าน MIX BEEF CLUB & RESTAURANT และ ร้านขนมฝรั่งเศส SARUDA PASTRY BKK เปิดให้บริการใน โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ซึ่งได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี
และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้ มีโครงการใหม่เปิดตัวที่ภูเก็ตได้แก่ THE PANO ซึ่งเป็นโครงการพูลวิลล่า ระดับลักซ์ชูรี่ ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงบนหุบเขา วิวภูเขาสนามกอล์ฟ แบบพาโนรามิค ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น rare hidden item หนึ่งเดียวในภูเก็ตติดสนามกอล์ฟ นอกจากนี้ กลุ่มอสังหาฯยังมี ผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุน และอยู่อาศัยที่น่าสนใจอีกหลายทำเล อาทิ Quinn Sukhumvit 101 ที่เป็นคอนโดมิเนียม ระดับพรีเมี่ยมหนึ่งเดียวในสุขุมวิท โครงการ Park Riverdale มีบ้านแบบ Pool Villa และ The Riverdale Residence ที่ดินเปล่าแปลงสวย ริมสนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ ซึ่งกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีความมั่นใจในทำเลต่าง ๆ ที่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ทั้งนี้ จากแผนธุรกิจที่กล่าวมาคาดว่าจะสามารถดันรายได้รวมของบริษัทปี 68 เติบโตเพิ่มขึ้นราว 15 %
