“กรุงไทย” กำไร ปี 67 ที่ 43,856 ล้านบาท เติบโตอย่างมีคุณภาพ ช่วยลูกค้าแก้หนี้อย่างยั่งยืน

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568

“กรุงไทย” กำไร ปี 67 ที่ 43,856 ล้านบาท เติบโตอย่างมีคุณภาพ ช่วยลูกค้าแก้หนี้อย่างยั่งยืน


ธนาคารกรุงไทย ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 43,856 ล้านบาท เน้นการเติบโตตามยุทธศาสตร์อย่างยั่งยืน บริหารพอร์ตอย่างสมดุล สินเชื่อโต 4.7% จัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่น รักษาระดับเงินสำรองในระดับสูง รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 ขยายตัวต่อเนื่อง แต่ยังต่ำกว่าศักยภาพ และขยายตัวไม่ทั่วถึงในรูปแบบ K-shaped Economy โดยมีการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลัก และได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ ทั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 67 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ และมาตรการเริ่มต้นแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมถึงภาคการส่งออกที่เติบโตเกิดคาดการณ์ จากการเร่งสั่งซื้อสินค้าก่อนมาตรการด้านภาษีของสหรัฐฯ อีกทั้ง ภาคครัวเรือนมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง ภาคการผลิตและภาคการส่งออกกำลังเผชิญกับการตีตลาดของคู่แข่งต่างชาติ ปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขัน เศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางชะลอลงท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ธุรกิจ SME บางส่วนยังคงเปราะบางและขาดความยืดหยุ่นในการปรับตัวจึงทำให้ฟื้นตัวได้ช้า  อย่างไรก็ตาม ธนาคารดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย สนับสนุนนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และช่วยเหลือลูกค้าประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุก  ทำให้สามารถประคับประคองลูกหนี้ได้ อีกทั้งยังได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารความเสี่ยงและการลงทุน รวมถึงการบริหารพอร์ตเพื่อค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในปี 2567  ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 43,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3  ถ้าไม่รวมรายการตั้งสำรองสำหรับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่เสื่อมค่าลง ที่เกิดขึ้นไตรมาส 4ปี 2566  (กำไรสุทธิเติบโตร้อยละ 19.8 เมื่อเทียบกับปี2566) ธนาคารมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ ดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังและรอบคอบ  พร้อมบริหารจัดการ Portfolio อย่างสมดุล ให้ความสำคัญกับการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ และรักษา Coverage ratio ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ธนาคารมีสินเชื่อที่เติบโตร้อยละ 4.7 ส่วนใหญ่จากการขยายตัวในกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่เป็นกลุ่มยุทธศาสตร์ของธนาคาร  สินเชื่อภาครัฐ  และการสนับสนุนนโยบายรัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และการจัดการหนี้ ตามแนวทาง Responsible Lending ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานขยายตัวร้อยละ 6.4  ส่วนใหญ่จากค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารและบริษัทย่อย ผลิตภัณฑ์ธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงรายได้จากหนี้สูญรับคืนสะท้อนนโยบายเชิงรุกในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการติดตามหนี้และการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายของธนาคาร มุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ มี Cost to Income ratio อยู่ที่ร้อยละ 43.2 ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ขยายตัวจากการขยายการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต

ธนาคารยังคงบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่น มีสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับควบคุมได้ดีที่ 95,065  ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.4 จากสิ้นปี 2566 และมี NPLs Ratio ร้อยละ2.99 ลดลงจากสิ้นปี 2566 ให้ความสำคัญกับการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ รักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ร้อยละ 188.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 181.3 จากสิ้นปี เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทั้งนี้ผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 ได้สะท้อนผลกระทบของลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการและมีการแปลงหนี้เป็นทุนบางส่วนตามแผนฟื้นฟูดังกล่าวแล้ว

ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4/2567 เทียบกับไตรมาส 4/2566 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 10.475 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 หากไม่รวมการตั้งสำรองสำหรับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่เสื่อมค่าลง ที่เกิดขึ้นไตรมาส 4/2566 (กำไรสุทธิเติบโตร้อยละ 71.4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566) สินเชื่อเติบโตร้อยละ 4.7 จากการขยายตัวของสินเชื่อในกลุ่มยุทธศาสตร์ บริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ มี Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 45.4 เทียบกับไตรมาส 3/2567 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร ลดลงร้อยละ 5.7 โดยหลักจากรายได้จากการดำเนินการลดลง จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและจากรายการเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน ซึ่งสะท้อนภาวะตลาด ในขณะที่สินเชื่อขยายตัวร้อยละ 5.2 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ปี 2567  ธนาคารกรุงไทย ขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมสร้างคุณค่า ตอบโจทย์ลูกค้า สู่ความยั่งยืน” พร้อมให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG)  เพื่อก้าวสู่ธนาคารเพื่อความยั่งยืน ทำให้ธนาคารได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ในระดับ “AAA” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2 ปีต่อเนื่อง  และสร้างสถิติใหม่คว้า 88 รางวัลจากเวทีระดับสากลและองค์กรชั้นนำในประเทศ  นอกจากนี้ ธนาคารมุ่งมั่นขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางต่อเนื่อง  ทั้งโครงการสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน  โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อให้กลุ่มเปราะบางสามารถประคองตัว รักษาสินทรัพย์สำคัญต่อความมั่นคงของชีวิตและธุรกิจครัวเรือน  เป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาสังคมและความเหลื่อมล้ำทวีความรุนแรงขึ้น  

ปี 2568  เป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับภาคธุรกิจ โดยศูนย์วิจัย Krungthai Compass ประเมินเศรษฐกิจไทยโต 2.7% ซึ่งยังคงต่ำกว่าศักยภาพ จากปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน ทั้งเศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ หนี้ครัวเรือนสูง ความเหลื่อมล้ำ และการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ  อีกทั้ง ประเทศไทยเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอก ทั้งสงครามการค้าระลอกใหม่ จากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น จากภาวะ Oversupply ของสินค้าจีน และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นมากขึ้น  ซึ่งจะนำไปสู่จุดเปลี่ยน (Inflection Point) ที่ต้องการการปรับตัวอย่างเร่งด่วน และ ในปีนี้ธนาคารยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรภายใต้แนวคิด Corporate Value Creation เสริมทักษะ สร้างคุณค่า สู่อนาคต” เสริมสร้างและพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นในอนาคต (Future Skill) ให้แก่พนักงาน ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าของธนาคารในทุกมิติ เพื่อสร้างการเติบโตและมูลค่าทางเศรษฐกิจบนความไว้วางใจของลูกค้า นำไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ