ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อย รายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 12,618 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย
การเติบโตของผลกำไรในครั้งนี้ได้รับแรงสนับสนุนหลักจากรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่อยู่ที่ 31,909 ล้านบาท พร้อมส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 2.89% ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในตลาด นอกจากนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากสินเชื่อ บริการประกัน และกองทุนรวม
แม้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น แต่ธนาคารยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 45.5% ขณะเดียวกัน ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นไว้ที่ 9,067 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพื่อคงความมั่นคงทางการเงินและความสามารถในการบริหารความเสี่ยง
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อรวม 2.72 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากสิ้นปี 2567 โดยมาจากการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ในขณะที่เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 1.8% อยู่ที่ 3.23 ล้านล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.4%
ธนาคารยังคงรักษาสถานะทางการเงินในระดับที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วนเงินกองทุนรวม 21.0% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงถึงความพร้อมในการรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ
ในภาพรวม เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 เริ่มชะลอตัวจากภาคการลงทุนเอกชนที่อ่อนแรงลง รวมถึงแรงกดดันจากการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากตลาดนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ยึดมั่นในหลัก Responsible Lending และการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนลูกค้าอย่างใกล้ชิดในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” เพื่อก้าวผ่านความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกไปด้วยกัน