​"สุรพงษ์" เปิดโครงการขนส่งสัญจรสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2568

​


"สุรพงษ์" เปิดโครงการขนส่งสัญจรสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ จังหวัดสกลนคร พร้อมลงพื้นที่ตรวจศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม มุ่งพัฒนาระบบคมนาคม เชื่อมโยงถนน - รางอย่างไร้รอยต่อ ผลักดันนครพนมเป็นศูนย์กลางการขนส่งภาคอีสานตอนบน

วันนี้ (28 เมษายน 2568) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “ขนส่งสัญจรสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จังหวัดสกลนคร ประจำปีงบประมาณ 2568” พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการด้านความปลอดภัยและการประชาสัมพันธ์การประมูลทะเบียนรถเลขสวย หมวดอักษร "กย" จังหวัดสกลนคร และมอบหมวกนิรภัยให้กับตัวแทนผู้ผ่านการอบรม ที่ได้รับใบอนุญาตขับขี่แล้ว ณ หอประชุมวิโรจอิ่มพิทักษ์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร    

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร       ชิณวัตร และกระทรวงคมนาคม ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้กับประชาชน โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้จัดสรรเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) สำหรับดำเนินโครงการด้านความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและลดอัตราการเสียชีวิตจากการใช้รถใช้ถนน สำหรับโครงการในวันนี้จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สำนักงานขนส่งจังหวัดสกลนคร ขบ. และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนใช้ถนนอย่างปลอดภัย โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวนทั้งสิ้น 300 คน ประกอบด้วย กลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ใช้รถยนต์และจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการเดินทาง ผู้เข้าร่วมการอบรมจะได้รับความรู้ ความเข้าใจในการใช้ถนนอย่างถูกต้องและปลอดภัย มีความรู้เรื่องกฎจราจร วิธีป้องกันอุบัติเหตุ มารยาทในการขับรถ รวมถึงการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน การให้ความช่วยเหลือและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ส่งเสริมให้สวมหมวกนิรภัยขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกครั้ง ได้รับใบอนุญาตขับรถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งเป็นการปลูกจิตสำนึกและตระหนักถึงความปลอดภัยให้ผู้เข้าร่วมการอบรมสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในอนาคตให้กับตนเอง ขยายผลไปถึงครอบครัว และบุคคลใกล้ชิด ต่อไป

จากนั้น นายสุรพงษ์ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม โดยได้ลงพื้นที่ก่อสร้าง 2 จุด ได้แก่ พื้นที่เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ (Seamless logistics) กับระบบราง และพื้นที่ตรวจปล่อยสินค้าร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ (CCA) พร้อมรับฟังรายงานสรุปการดำเนินงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมครั้งนี้ พบว่า การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแผนงานที่กำหนดไว้ มีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางถนนกับระบบรางเข้าด้วยกันเป็นอย่างดี โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ของกระทรวงคมนาคม ซึ่ง ขบ. ได้ดำเนินโครงการในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership: PPP) ถือเป็นหนึ่งในโครงการนำร่องพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) ในส่วนภูมิภาค เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างประเทศบนเส้นทาง สาย R12 เชื่อมต่อการขนส่งระหว่างไทย - สปป.ลาว - เวียดนาม - จีนตอนใต้ (นครหนานหนิง) และรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งกับระบบราง (Modal Shift) ผ่านแนวการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่ - นครพนม ของ รฟท. นอกจากนี้ ภายในโครงการยังมีพื้นที่รองรับการปฏิบัติงานของหน่วยงานตรวจปล่อยสินค้า (Customs, Immigrations and Quarantines: CIQ) ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพื่อดำเนินพิธีการเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกได้อย่างครบวงจรในจุดเดียว

สำหรับภาพรวมการก่อสร้างล่าสุดมีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 95 ปัจจุบัน ขบ. อยู่ระหว่างก่อสร้างส่วนที่ภาครัฐรับผิดชอบ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนมิถุนายน 2568 ในส่วนของบริษัทผู้ร่วมลงทุนได้ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างงานในระยะที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนอาคารที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ได้แก่ อาคารคลังสินค้า และอาคารรวบรวมและกระจายสินค้า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการติดตั้งเครื่องมือและระบบสำหรับการบริหารจัดการ โดยตามเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุน ผู้ร่วมลงทุนจะต้องรับผิดชอบในการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้ และมีหน้าที่จ่ายค่าสัมปทานให้แก่ภาครัฐ ตามรูปแบบการร่วมลงทุนแบบ PPP Net Cost ตลอดระยะเวลา 30 ปี (2568 - 2597) นับจากปีเปิดให้บริการ ทั้งนี้ หากโครงการแล้วเสร็จจะช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และลดต้นทุนโลจิสติกส์ให้กับผู้ประกอบการขนส่งและในภาพรวมด้านเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังช่วยผลักดันให้จังหวัดนครพนมก้าวเป็น “ศูนย์กลางทางด้านการขนส่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน” รวมทั้งช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในจังหวัดนครพนมและจังหวัดข้างเคียงในอนาคตต่อไป

นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ ได้มอบนโยบายและข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้  
1. ให้ ขบ. จัดทำสรุปปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในประเทศ และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงด้านการขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณานำเข้าสู่การหารือระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการในระดับนโยบาย 
2. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จพร้อมกัน เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ    

ในโอกาสนี้ นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นางสาวรัชนีพร ธิติทรัพย์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการขนส่ง ร่วมลงพื้นที่ด้วย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ