บริษัท ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม จำกัด (หรือ “Haier Smart Home” หรือ “บริษัท” D-share: 690D.DE, A-share: 00690.SH, H-share: 06690.HK) ประกาศผลประกอบการประจำปี 2024 โดยยังสามารถรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 27.8% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 285.98 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4.29% เมื่อเทียบกับปี 2023 ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทแม่อยู่ที่ 18.74 พันล้านหยวน (86.83 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบรายปี และกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 26.54 พันล้านหยวน (123 พันล้านบาท) ทั้งนี้ บริษัทเสนอจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 9.65 หยวนต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนการจ่ายเงินปันผลที่ 48.01% ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยมีปัจจัยความสำเร็จดังต่อไปนี้
· Casarte นำทัพไฮเออร์ลุยตลาดพรีเมียม ดันยอดขายโตต่อเนื่อง
ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม อาศัยปัจจัยสนับสนุนอย่างแนวโน้มของผู้บริโภคที่หันมาเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเอนด์และอัจฉริยะ ประกอบกับนโยบายแลกเปลี่ยนเครื่องเก่าภายในประเทศจีน และกลยุทธ์ความร่วมมือของแต่ละแบรนด์ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป รายงานยอดขายปลีกของ Casarte เพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024 ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดระดับพรีเมียมที่แข็งแกร่ง ไฮเออร์ยังได้เร่งขับเคลื่อนนวัตกรรมชุดผลิตภัณฑ์ (product suites) ด้วยการส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างอุตสาหกรรมต่าง ๆ (cross-industry synergy) จนสามารถสร้างการเติบโตแบบปีต่อปีได้ถึง 64.6% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์แบบแพ็กเกจที่จัดจำหน่ายร่วมกัน ซึ่งออกแบบมาให้เสริมการใช้งานซึ่งกันและกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้แบรนด์ Leader ยังประสบความสำเร็จในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น ด้วยการนำเสนอไลฟ์สไตล์สมาร์ทโฮมที่ตรงใจ ส่งผลให้ยอดขายปลีกเติบโตขึ้น 26%
สำหรับตลาดภายในประเทศไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดตู้เย็นในจีนเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งตลาดการขายปลีกออนไลน์อยู่ที่ 40.4 และครองส่วนแบ่งตลาดการขายปลีกออฟไลน์ที่ 44.1% ขณะที่ในตลาดเครื่องซักผ้า ไฮเออร์สามารถครองส่วนแบ่งตลาดออฟไลน์อันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีส่วนแบ่งตลาดออนไลน์อยู่ที่ 37.9%
· เดินเกมรุก M&A ขยายตลาดเกิดใหม่ผ่านกลยุทธ์แบรนด์พรีเมียม
แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายในภาคธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างประเทศ แต่ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ยังคงเดินหน้าพัฒนากลยุทธ์การสร้างแบรนด์ระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างรายได้จากต่างประเทศรวม 143.81 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5.43% เมื่อเทียบกับปี 2023 ทั้งนี้ ตลาดเกิดใหม่ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโต นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายการดำเนินงานในต่างประเทศผ่านการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ อาทิ การเข้าซื้อธุรกิจตู้แช่เชิงพาณิชย์ของแบรนด์ Carrier และการเข้าซื้อกิจการของ Kwikot ผู้ผลิตเครื่องทำน้ำอุ่นชั้นนำของแอฟริกาใต้ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 58%
ในภูมิภาคเอเชียใต้ ไฮเออร์มีรายได้รวม 11.53 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 21.05% จากปี 2023 โดยเฉพาะ ตลาดอินเดีย ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น ด้วยอัตราการเติบโตของรายได้ถึง 30% และมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่ใน ประเทศปากีสถาน บริษัทสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดกลุ่มพรีเมียม พร้อมปรับราคาผลิตภัณฑ์สูงขึ้น ส่งผลให้รายได้ในสกุลเงินท้องถิ่นเติบโตถึง 20% และครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 45% และสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม รายงานรายได้ที่ 6.63 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 14.75% แบบปีต่อปี ส่วนใน ตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา รายได้รวมอยู่ที่ 2.67 พันล้านหยวน เติบโต 38.25% จากปีก่อนหน้า
· ผงาดธุรกิจ Smart Building พร้อมเร่งเครื่องโซลูชันบ้านอัจฉริยะ ด้วยพลังของ AI
ในปี 2024 ไฮเออร์ สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจอาคารอัจฉริยะ (Smart Building) ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้า B2B ได้มากกว่า 10,000 ล้านหยวนทั่วโลก โดยอ้างอิงจากข้อมูลของหน่วยงานวิจัยการตลาด China IoL ไฮเออร์มีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มอาคารอัจฉริยะ (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) เพิ่มขึ้นจนแตะระดับ 9.3% และก้าวขึ้นสู่ 3 อันดับแรกของอุตสาหกรรม
แพลตฟอร์ม SAN YI NIAO ของไฮเออร์ยังคงขับเคลื่อนกลยุทธ์สมาร์ทโฮมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาโซลูชันครบวงจรที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้อย่างลงตัว โดยในปี 2024 ยอดขายสินค้าที่จัดจำหน่ายเป็นเซ็ตคิดเป็นสัดส่วนถึง 57% ของยอดขายรวม โดยมีแบรนด์ Casarte คิดเป็น 35% และสินค้าที่ติดตั้งล่วงหน้าคิดเป็นสัดส่วน 40%
ขณะเดียวกัน เทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับแพลตฟอร์ม SAN YI NIAO ด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะต่าง ๆ เช่น ระบบโต้ตอบด้วยเสียงอัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติที่สามารถปรับตามสถานการณ์การใช้งาน และการจดจำภาพด้วยเทคโนโลยี AI VISION ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้มีส่วนช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์อัจฉริยะ ตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
· โชว์พลังบริหารต้นทุน ทรานส์ฟอร์มดิจิทัล - แผน Extreme Cost หนุนกำไร-ลดค่าใช้จ่าย
ในปี 2024 ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภค ผ่านการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบดิจิทัลในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และสามารถต่อยอดผลลัพธ์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยในปีนี้ บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 6.1% ในปี 2023 มาอยู่ที่ 6.6% ในปี 2024
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัท โดยเฉพาะภายใต้โครงการ Extreme Cost ที่ช่วยปรับโครงสร้างต้นทุนให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลก พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในองค์กร ส่งผลให้ในปี 2024 บริษัทสามารถลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายลงเหลือ 11.7% และลดค่าใช้จ่ายในการบริหารลงเหลือ 4.2%