3 เดือนปิดกิจการ 3 พันราย “ก่อสร้าง-อสังหาฯ-ภัตตาคาร” เหนื่อย แบงก์ ชี้ 3 จุดอ่อน SME

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

3 เดือนปิดกิจการ 3 พันราย “ก่อสร้าง-อสังหาฯ-ภัตตาคาร” เหนื่อย แบงก์ ชี้ 3 จุดอ่อน SME


ธุรกิจก่อสร้าง/อสังหาริมทรัพย์/ภัตตาคาร ร้านอาหาร ยังครองแชมป์ปิดกิจการสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกปี 68 จากจำนวนทั้งหมดรวมกว่า 3 พันราย ขณะที่การจัดตั้งธุรกิจใหม่ก็ลดลง จากปัจจัยทางจิตวิทยาสงครามการค้า และภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา ด้าน สสว.เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการยังลดลงต่อเนื่อง ขณะที่นายแบงก์ชี้ 3 จุดอ่อน SME

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุ การจดทะเบียนเลิกกิจการไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม 2568) มีจำนวน 3,107 ราย เพิ่มขึ้น 298 ราย (10.61%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (2,809 ราย) ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 11,859 ล้านบาท ลดลง 85 ล้านบาท (-0.71%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (11,944 ล้านบาท) โดยธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 307 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 542 ล้านบาท 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 137 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 496 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 129 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 341 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.88%, 4.41% และ 4.15% ตามลำดับ

ขณะที่การจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม 2568) มีจำนวน 23,823 ราย ลดลง 1,180 ราย (-4.72%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (25,003 ราย) ทุนจดทะเบียน 79,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,980 ล้านบาท (17.63 %) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (67,941 ล้านบาท)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า หากวิเคราะห์ตัวเลขการจดทะเบียนในไตรมาสแรกของปี 2568 ที่พบว่าการจดทะเบียนจัดตั้งมีจำนวนที่ลดลงเล็กน้อย อาจสืบเนื่องมาจากปัจจัยทางจิตวิทยาที่นักลงทุนรอดูสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐอเมริกา (Reciprocal Tariffs) ที่จะชี้ทิศทางของการค้าและเศรษฐกิจโลกประกอบกับกังวลว่าถ้าจัดตั้งธุรกิจในช่วงนี้ อาจต้องเผชิญความท้าทายและความเสี่ยงในการบริหารธุรกิจ รวมไปถึงปัจจัยความเข้มงวดในการปราบปรามธุรกิจนอมินีหรือธุรกิจทุนสีเทาของกระทรวงพาณิชย์ที่จะทำให้ธุรกิจต้องมีความรัดกุมมากขึ้นในการเตรียมความพร้อมก่อนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ทั้งนี้ อัตราส่วนการจัดตั้งธุรกิจต่อการจดเลิกในไตรมาสแรกของปี 2568 ยังคงอยู่ที่ 7:1 หรือตั้ง 7 ราย เลิก 1 ราย

ด้านนางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) ประจำเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 51.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 52.1 ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 2568 สาเหตุสำคัญมาจากแรงกดดันจากภาวะกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว ประกอบกับโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท (ระยะที่ 2) ที่ยังไม่สามารถกระตุ้นการบริโภคได้ในระยะสั้น นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวที่เคยเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญเริ่มมีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการภาคการค้าและภาคการบริการ ขณะที่ภาคการเกษตรมีความกังวลต่อทิศทางราคาผลผลิตในตลาดหลายรายการที่ปรับลดลงและในบางพื้นที่ยังได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ยิ่งตอกย้ำความเปราะบางของภาคธุรกิจรายย่อยในระดับภูมิภาค 

จากเหตุแผ่นดินไหวในปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายภาคส่วนโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มหดตัว นอกจากนี้กำลังซื้อในประเทศที่หายไปอย่างชัดเจนในหลายภาคธุรกิจ ไม่มีการจ้างแรงงานใหม่เพิ่มเติม ดังนั้นสิ่งที่ SME ยังคงต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐคือ การสร้างรายได้ให้กับผู้บริโภคผ่านการลงทุนให้เกิดการจ้างงาน การเร่งออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อที่ตรงจุดในระยะสั้น การดูแลปัจจัยด้านต้นทุนที่อยู่ในระดับสูงควรพิจารณามาตรการบรรเทาต้นทุนในกลุ่มวัตถุดิบอาหารและปัจจัยทางการเกษตร รวมถึงผู้ประกอบการยังคงประสบปัญหาด้านสภาพคล่องจากภาระหนี้เดิม ขณะที่การเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ในระบบยังไม่ทั่วถึงเพียงพอ จึงมีความต้องการให้มีมาตรการสนับสนุนทางการเงินที่ตรงจุดและตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจมากขึ้น นางสาวปณิตา กล่าว

ขณะที่ นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากที่ SME D Bank มีบริการ “ตรวจสุขภาพทางธุรกิจ” หรือ “Business Health Check” แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) เพื่อให้รับรู้ข้อมูลและเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนในกิจการตัวเอง ก่อนนำไปสู่การเติมทักษะ ปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็งได้ตรงกับความต้องการของแต่ละกิจการ

ทั้งนี้ ระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ารับบริการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ รวมกว่า 9,200 กิจการ พบทักษะ 3 ด้านที่เป็นจุดอ่อนสำคัญ ได้แก่  อันดับ 1 ด้านการบริหารจัดการการเงิน ระดับคะแนนประเมินผลอยู่ที่ 1.8 จากคะแนนเต็ม 5 ตามด้วย อันดับ 2 ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี (2.6 คะแนน) และอันดับ 3 ด้านการสื่อสารการตลาด (3.6 คะแนน) โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกขนาดธุรกิจ ล้วนมีจุดอ่อนใน 3 ด้านนี้เหมือนกัน แตกต่างกันในรายละเอียดและความซับซ้อนในทักษะที่ต้องพัฒนา

สำหรับด้านการบริหารจัดการการเงิน กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) มีคะแนนต่ำที่สุด ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการทำบัญชี ไม่แยกเงินส่วนตัวกับธุรกิจ ไม่เข้าใจหลักการบัญชีเบื้องต้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการคำนวณกำไรขาดทุน รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุน  ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Small) มีการบันทึกข้อมูลทางการเงิน แต่ขาดเครื่องมือหรือการลงทุนในระบบบัญชีที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงขาดการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อวางแผนระยะยาว ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดกลาง (Medium) ต้องการทักษะการวิเคราะห์ทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้น และในหลายกิจการขาดการบูรณาการข้อมูล

ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้ประกอบการรายย่อย ไม่รู้ว่ามีเทคโนโลยีอะไรที่ช่วยธุรกิจเล็กๆ ได้บ้าง และยังไม่สามารถเชื่อมโยงการใช้เทคโนโลยีด้านการตลาดได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมรูปแบบใดเหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง และไม่มีแผนหรือนโยบายที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของธุรกิจ รวมถึงไม่กล้ารับความเสี่ยงที่จะล้มเหลวจากการลงทุนในนวัตกรรม  สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง ไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง

ด้านการสื่อสารการตลาด ผู้ประกอบการรายย่อย ขาดทักษะในการใช้ Social Media ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับการตลาด รวมถึงไม่เข้าใจการตลาดพื้นฐาน ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก  ขาดทักษะในการใช้เครื่องมือและการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ไม่รู้วิธีวัดผลลัพธ์จากการทำการตลาด ทำให้กระทบต่อการวางแผนการตลาดอย่างเป็นระบบ ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง ขาดการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดเชิงลึกและการบูรณาการข้อมูลจากทุกช่องทาง

“จากที่เห็นจุดอ่อนสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ จึงเดินหน้ายกระดับพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านบริการ “เติมความรู้คู่เงินทุน” ช่วยเสริมศักยภาพในหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปิดจุดอ่อนใน 3 ด้านดังกล่าว” นายพิชิต กล่าว 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ