Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
หุ้น-กองทุนรวม
SVOA เกี่ยวก้อย MFEC รับอานิสงส์เงินบาทแข็งค่า
SVOA เกี่ยวก้อย MFEC รับอานิสงส์เงินบาทแข็งค่า
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
สถานการณ์ของเงินบาท ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ซึ่งมีผลกระทบไป ถึงการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เกรงว่าทางแบงก์ชาติจะงัดมาตรการที่ไม่คาดฝันออกมา เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากไปกว่านี้ ไม่ว่าจะ เป็นการเก็บภาษีเงินทุนไหล เข้า หรือมาตรการกันสำรอง 30% ที่เคยสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงมาแล้วเมื่อปี 2549 ซึ่งครั้งนั้นทำเอาดัชนีฯ รูดหนักอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยทีเดียว
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ แม้การแข็งค่าของเงินบาทจะส่งผลกระทบกับผู้ส่งออก แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่การขาดทุนกำไรเท่านั้น ส่วนธุรกิจ ที่ได้รับประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าจะเป็นธุรกิจที่นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ และนำมาแปลงเป็นรายได้เป็นเงินบาทไทย โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ หุ้นกลุ่มเหล็กที่นำเข้า วัตถุดิบจากต่างประเทศและนำมาขายในประเทศ กลุ่มสื่อสารที่นำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น
ส่วนหุ้นที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับเงินบาทนั้นจะเป็นธุรกิจประเภทส่งออก อาทิ ธุรกิจอาหารและสินค้าเกษตรส่งออก ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คงได้รับผลกระทบ ไม่มาก แม้ว่าจะเป็นธุรกิจส่งออกสินค้า แต่ก็มีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเช่นเดียวกัน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVOA เป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ 50% มาจากธุรกิจเทรดดิ้งซึ่งต้องนำเข้าอุปกรณ์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์จากต่างประเทศ ขณะที่รายได้อยู่ในรูปเงินบาท และราคาหุ้นมีปัจจัยสนับสนุนรออยู่คือการประมูล Tablet ในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเป็นอัพไซด์ริชที่ยังไม่รวมอยู่ในประมาณ การ ขณะที่ครึ่งปีหลัง 2556 เชื่อว่าจะเริ่ม เห็นการประมูลงานวางระบบโทรคมนาคม ของรัฐบาล ภายใต้โครงการ Smart Thailand มูลค่ารวมสูงถึง 60,000 ล้านบาทในช่วงปี 2556-2558 และเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มไอซีทีที่ทำธุรกิจรับวางระบบโทร-คมนาคม เนื่องจากมูลค่างานที่สูงมาก จึงมีแนวโน้มที่แต่ละบริษัทจะได้รับอานิสงส์ เชิงบวกในทิศทางเดียวกันทุกบริษัท
ด้านผลการดำเนินงานของ SVOA คาดว่ากำไรสุทธิปี 2556 จะเติบโตสูงถึง 99% เป็น 157 ล้านบาท และต่อเนื่อง 29.4% เป็น 204 ล้านบาท ในปี 2557 ส่วนราคาหุ้นยังมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก โดยซื้อขายบน PER ปี 2556 ที่ 11.7 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มไอซีทีขนาดกลางที่ 15-16 เท่า จึงแนะนำทยอยสะสมหุ้น SVOA โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 3.60 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้ ยังประเมินว่าราคาหุ้นของบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ที่ดี รวมทั้งเป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท เนื่องจากมีต้นทุนสินค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรคมนาคม ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ในรูปสกุลเงินบาท ดังนั้น จึงส่งผลให้ส่วนต่างอัตรา กำไรขั้นต้นมีแนวโน้มขยับขึ้น นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2556 ที่จะเริ่มต้นเข้าสู่ขาขึ้นของธุรกิจ โดยมีงานในมือ ณ สิ้นปี 2555 สูงถึง 2,940 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้ทั้งจำนวนในปีนี้ คิดเป็น 78% ของประมาณการรายได้ที่ 3,762 ล้านบาท
จากกรณีดังกล่าว ด้วยสมมติฐานแบบอนุรักษนิยม คาดว่ากำไรสุทธิใน ปี 2556 ของ MFEC จะเติบโตสูงถึง 27% เป็น 217 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมอัพไซด์ริชที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลให้ต้องปรับเพิ่มประมาณการขึ้นคือ โครงการ Smart Thailand มูลค่ารวมกว่า 60,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2556-2558 ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE ปีนี้ที่ประมาณ 0.56 เท่า และคาดการณ์เงินปันผลปี 2556 หุ้นละ 0.33 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.4% จึงแนะนำนักลงทุนทยอยสะสม โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 8.20 บาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินระบุว่า จากสถานการณ์ ของเงินบาทที่ทำสถิติแข็งค่าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จะกดดันอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ HANA กระทบมากสุด ค่าเงินบาทแข็งเป็นปัจจัยกดดันยอดขายสกุลเงินบาท และอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทกลุ่มนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่มียอดขายสกุลดอลลาร์เกือบ 100% ขณะที่โครงสร้างรายได้และต้นทุน นำเข้าวัตถุดิบที่เป็นสกุลดอลลาร์ จะช่วยลดผลกระทบได้บางส่วน หากประเมินผลกระทบค่าเงินบาทแข็งต่อบริษัทกลุ่มนี้ 4 แห่งที่ศึกษา (DELTA, HANA, KCE และ SVI) พบว่า HANA จะถูกกระทบมากสุด เนื่องจากมีสัดส่วนนำเข้าวัตถุดิบสกุลดอลลาร์ต่ำสุด 60-65% รองลงมาคือ KCE มีสัดส่วนวัตถุดิบสกุลดอลลาร์ราว 70% ขณะที่ DELTA และ SVI มีสัดส่วนนำเข้าวัตถุดิบใกล้เคียงกันราว 80-90% โดยประเมินทุก 1 บาท จะกระทบกำไรของ HANA และ KCE ลดลงประมาณ 10% และ 7% ตามลำดับ ส่วน DELTA และ SVI จะมีผลกระทบต่อกำไรลดลงประมาณ 5-6%
จากกรณีดังกล่าว การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ จึงคงน้ำหนักลงทุนน้อยกว่าตลาด อีกทั้งยังมองแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/56 ซึ่งเป็นช่วง low season ของยอดขาย และยังมีปัจจัยเรื่องเงินบาทแข็งกดดัน จึงยังไม่ใช่จังหวะลงทุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ROCTEC รายงานผลประกอบการปี 2567/68 เติบโ...
...
"เจนเนอราลี่ กรุ๊ป" เผยรายได้ Q1 ปี 2025...
...
"พฤกษา” เปิดรายได้ Q1/ปี 68 แตะ 3,705 ล้...
...
"สกาย กรุ๊ป" โชว์ผลงานแรงไม่หยุด Q1/2568...
...
MPJ ติดสปีด Q1/68 กำไรสุทธิ พุ่ง 125.33%...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ