"เคพีเอ็น" ชิมลางเข้าตลาดฯ เตรียมเปิดขายกองทุน KPNPF

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556



เคพีเอ็นกรุ๊ปพร้อมกลับเข้ามาโลดแล่นในตลาดทุนอีกครั้ง ล่าสุดชิมลางส่งเคพีเอ็น ทาวเวอร์ ตั้งกองทุนรวม KPNPF เปิดโอกาสให้นักลงทุนร่วมเป็นเจ้าของอาคารหรูย่านพระราม 9 คาดได้ฤกษ์ส่งกองทุนเข้า SET ต้นเดือนหน้า พร้อมเปิดแผนงาน เตรียมรุกธุรกิจอสังหาฯ เต็มสูบ ทุ่มงบซื้อที่ดินผุดคอนโดฯ โครงการใหม่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า หลังประสบความสำเร็จจาก 2 โครงการแรกที่สามารถขายหมดในระยะเวลาอันสั้น หวังสร้างรากฐานแต่งตัวเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดฤกษ์ดีต้นปี 2557 พร้อมประกาศขาย IPO

นายกฤษณ์ ณรงค์เดช ประธาน บริษัท เคพีเอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเสนอขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPN Tower Property Fund) หรือ KPNPF ดำเนินการจำหน่ายโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด ซึ่งจะเปิดโอกาส ในผู้ลงทุนที่สนใจได้จองซื้อและเป็นเจ้าของ ได้ภายในไตรมาสแรกนี้ และคาดว่าจะเข้า ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงต้นเดือนหน้า โดยมีธนาคารกสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน ทั้งนี้ กองทุนรวม KPNPF จะมอบหมายให้บริษัท เคพีเอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว

สำหรับกองทุนรวม KPNPF จะทำการลงทุนในโครงการเคพีเอ็น ทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอาคารสำนักงานให้เช่า ตั้งอยู่บนทำเลทองของถนนพระราม 9 เห็นได้ชัดจากผู้ที่สัญจรผ่านบนทางด่วนเข้าออกนอก เมือง ทั้งด้านสนามบินสุวรรณภูมิ และจากเส้นทางด่วนรามอินทรา เป็นอาคารสำนักงานสูง 27 ชั้น พร้อมพื้นที่จอดรถ ซึ่งสามารถจอดรถยนต์ได้ประมาณ 485 คัน ตั้งอยู่บนที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่ครึ่ง มีพื้นที่ใช้สอยรวม 59,839 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่ารวมสุทธิ 25,978.43 ตารางเมตร ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่จากต่างประเทศเช่าอยู่มากกว่า 90%

และพื้นที่สำหรับโฆษณาอีกจำนวนหนึ่ง ในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ร้านค้าย่อย ธนาคาร ห้องฟังก์ชั่นรูมขนาดใหญ่ ฯลฯ เพื่อให้บริการแก่ผู้เช่าในโครงการอีกด้วย โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากค่าเช่าพื้นที่ 80% และค่าโฆษณา 20% และมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี ในอัตราไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิ

นอกจากนี้ กองทุนรวม KPNPF ยังมีนโยบายที่จะดำเนินการจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินที่กองทุนรวมลงทุนในครั้งนี้ โดยการนำพื้นที่สำนักงาน พื้นที่ร้านค้า และพื้นที่โฆษณาออกจัดหาผลประโยชน์ตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุน ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนจากหน่วยลงทุนครั้งนี้

บริษัทจะนำเงินกลับมาลงทุนที่เคพีเอ็น ทาวเวอร์ ประมาณ 1 ใน 3 เพราะให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งกองทุนนี้อยู่ในลักษณะ Freehold คือสิทธิการเช่าไม่มีสิ้นสุด เนื่องจากกองทุนรวม KPNPF เป็น เจ้าของตัวอสังหาริมทรัพย์โดยถาวร ดังนั้น ในอนาคตจึงเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้มูลค่าเพิ่มจากการลงทุนอีกมาก จากค่าเช่าที่มีสัญญาไม่เกิน 3 ปี และมีการปรับขึ้นทุกครั้ง จึงมั่นใจว่าจะมีอัพไซด์ที่ดีมากในอนาคต

"อาคารเคพีเอ็นทาวเวอร์ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านพระราม 9 อยู่ในแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม MRT ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดหนัก คาดว่าโครงการรถไฟใต้ดินดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในปี 2562 นี้ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เช่าอาคารเคพีเอ็น ทาวเวอร์ และเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินที่กองทุนรวมจะเข้าลงทุนครั้งแรก อีกทั้งยังมีจุดเด่นของการโฆษณา ข้างอาคาร ซึ่งขณะนี้ได้มีการเซ็นสัญญากับผู้ที่มาขอเช่าพื้นที่ด้านข้างตึกทั้ง 2 ด้านเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการติดตั้งจอ LED ขนาดใหญ่ทั้ง 2 ด้าน เป็นขนาดที่เรียกว่าใหญ่ที่สุดในประเทศก็ว่าได้ มีมูลค่า การลงทุนถึง 200 ล้านบาท" นายกฤษณ์ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มเคพีเอ็น กรุ๊ป ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 4 ธุรกิจ คือ การลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ มิวสิกแอนด์เอ็นเตอร์เทนเมนต์และการศึกษา ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทจะเน้นในส่วนนี้มากที่สุด เพราะมีความชำนาญมาก่อน โดยปัจจับันบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการคือ โครงการ Capital ราชปรารภ-วิภาวดี และโครงการ Capital เอกมัย-ทองหล่อ ที่สามารถขายหมดทั้งโครงการภายในระยะเวลาอันสั้น รวมมูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาท รอเพียงการรับรู้รายได้เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2557 และกำลังเตรียมเปิดโครงการ ใหม่อีก 2 โครงการภายในปีนี้

"แผนการลงทุนในธุรกิจอสังหาริม-ทรัพย์ของเคพีเอ็นกรุ๊ป ได้เตรียมงบประมาณกว่า 2 พันล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินและเพิ่มโครงการใหม่ คาดว่าจะสร้างเสร็จ ในช่วงประมาณปลายปี 2557 ถึงต้นปี 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พอดี เพราะต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทก่อนทำ IPO" นายกฤษณ์ กล่าว

ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากรายได้ของประชากรเพิ่มมากขึ้น และมีกำลังซื้อมากขึ้น อีกทั้งสังคมที่เปลี่ยนแปลง ไปจากคนรุ่นใหม่ที่นิยมแยกออกมาตั้งครอบครัวเอง รวมทั้งระบบขนส่งมวลชนที่สะดวก ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้ามีจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลบวกต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้มีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ