เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 นายดาเนียล รอสส์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุนและหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเพื่อความยั่งยืน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ เข้าร่วมงานสัมมนา “A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry” ในหัวข้อ Collab Talk : Infrastructure for Green City ณ เพลนารีฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายดาเนียล กล่าวว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ พร้อมสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของประเทศไทย ภายในปี 2593 ( ค.ศ.2050) แต่การที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวในภาคการขนส่งมวลชนได้นั้น จำเป็นที่ประเทศไทยต้องเร่งขยายเครือข่ายระบบราง โดยเฉพาะรถไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด เนื่องจากปัจจุบันคนไทยกว่า 80% เดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอนสูงถึง 95% ของภาคการขนส่ง ในขณะที่การเดินทางด้วยระบบรางมีเพียง 15% แต่ปล่อยคาร์บอนเพียง 3% เท่านั้น
ทั้งนี้ หากต้องการบรรลุเป้าหมาย Net Zero รถไฟฟ้าควรได้รับการผลักดันให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศไทย เพราะเป็นรูปแบบการเดินทางที่สร้างคาร์บอนต่ำ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด พร้อมทั้งใช้แนวทางเพื่อความยั่งยืน 3 ด้านได้แก่ 1. Environmental Responsibility : ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยพลังงานที่ยั่งยืน 2. Social Accessibility: ระบบขนส่งที่เข้าถึงง่าย และมีราคาที่เหมาะสม 3. Economic Viability: การลงทุนที่มีความคุ้มค่า และที่สำคัญความสำเร็จของการผลักดันดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งการส่งเสริมและการดำเนินนโยบายลดค่าครองชีพ เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งหากทำได้ เชื่อว่าประเทศไทยอาจบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้เร็วกว่าปี 2593
ตลอดกว่า 30 ปี บีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้ลงทุนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนคาร์บอนต่ำมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการระดมทุนผ่านเครื่องมือทางการเงินที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bonds) รวมกว่า 63,000 ล้านบาท และยังลงทุนปีละ 400 - 500 ล้านบาท เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของขบวนรถไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งในอนาคตยังมีแผนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solor Rooftop) ครอบคลุม 45 สถานี ทั้งบนเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (สายสีเหลือง) รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู และศูนย์ซ่อมบำรุง ซึ่งจะสามารถรองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าในเครือข่ายได้ถึง 20%
