ตกเป็นข่าวฉาวเปิดศึกระหว่างแฟนหนุ่มคนรู้ใจและพ่อของตัวเอง งานนี้หลังกระแสข่าวออกมากว่าจะเคลียร์กันได้ลงตัวก็ทำเอานางเอกสาวไซส์มินิอย่าง "กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล" ถึงกับปวดเฮดท้อแท้กับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา วันนี้คอลัมน์โชะเด๊ะเลยขอดึงตัวสาวกรีนมาเปิดใจกันซะหน่อยว่าเรื่องราวที่แท้จริงมันเป็นยังไง พร้อมถึงอัพเดตเรื่องชีวิตการงานว่าเป็นอย่างไรบ้างและคิดเปลี่ยนแนวไปอัพไซส์เปลี่ยนเส้นทางใหม่เป็นนางเอกเซ็กซี่กับเขาบ้างรึเปล่า
"กรีนอยากเปลี่ยนเส้นทางเป็นเซ็กซี่นมใหญ่ไหม(หัวเราะ)คงไม่ค่ะเพราะกรีนคิดว่ามันไม่ใช่ทางเรา เป็นแนวเรียบร้อยแบบนี้แหละดีแล้ว อายุเราอาจจะยังไม่ถึงจุดนั้นมั้งคะ และรู้สึกฮาๆ มากกว่า เพื่อนแนะนำเราก็โอเคก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เค้าทัก เค้าแนะนำเตือนเราอยากให้เราดูดีขึ้น แต่สำหรับตัวเราเองยังไม่เคยคิดนะคะ อย่างบางคนบอกให้เราลองไปผ่าตัดทำศัลยกรรม เรากลัวว่ามันจะไซส์ใหญ่เกินแล้วเราก็คิดว่าถ้ามันไซส์ใหญ่เกินทำไงอะ มันก็จะไม่เข้ากับเรา ตอนนี้เราเลยพอใจในสิ่งที่เรามีดีกว่าค่ะ เข้าใจว่าต้องเดินแอ่นแล้วเดี๋ยวเดินๆ อยู่หน้าคว่ำอะไรแบบนี้" (หัวเราะ)
+ เพื่อนๆ ยังเชียร์กันซะขนาดนี้แล้วหนุ่มใหญ่หวานใจอย่าง เคลลี่ ธนพัฒน์ ล่ะส่งเสียงเชียร์มาบ้างหรือเปล่า
"ก็มีคุยกับเค้า เค้าก็ขำบอกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ต้องไปทำอะไรมาก คนส่วนใหญ่จะชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติมากกว่า ไปทำอย่างอื่นออกกำลังกาย หรือว่ากินวิตามินดีกว่า พี่เค้าก็แนะนำให้กินนี่แหละ แต่หนูเป็นคนขี้ลืม แต่เราก็จะกินพวกวิตามินซีอะไรพวกนี้เพราะเราทำงานก็จะขาดน้ำ บางครั้งก็เหนื่อยอ่อนเพลีย ทุกคนบอกว่าเราผอมเป็นโรครึเปล่า ไม่เลยอยากจะบอกว่าไปตรวจสุขภาพมาก็ปกตินะ และก็ออกกำลังกายนะถึงแม้ว่าเราจะไม่โรคก็เถอะ"
+ ถึงจะตกเป็นข่าวฉาวขึ้นหน้าหนึ่งหรา แต่นางเอกสาวก็ไม่หวั่น เพราะยังมีผู้ใหญ่ใจดีป้อนงานละครอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวเมาธ์ว่าผู้ใหญ่ไม่ปลื้มสาวกรีน เลยถูกจับไปยัดเล่นเป็นนางเอกละครตอนเย็น
"เรื่องหางเครื่อง เปิดกล้องแล้วใกล้จะได้ถ่ายแล้ว ตอนนี้กรีนมีละครสองเรื่อง มีทั้งละครเย็นแล้วก็ละครกลางคืน กับเรื่องหางเครื่องเราเล่นคู่กับพี่เติ้ล ธนพล พอเรามาเล่นละครเย็นก็มีกระแสว่าเป็นนางเอกลดเกรด จริงๆกรีนเข้าใจว่าน่าจะเป็นนโยบายที่ให้คนที่ดูละครกลางคืนมาดูละครเย็นด้วย เราไม่เสียเซลฟ์แถมได้เงินดีด้วยอ่ะ เราอยู่ช่อง7เราก็เหมือนช่วยๆ ให้ช่องได้ขยายตลาดไปด้วย แล้วกรีนเชื่อว่าตัวละครมันจะช่วยนักแสดงอยู่แล้ว แล้วตัวละครมันก็เข้ากับตัวเราอยู่แล้วโก๊ะๆ แก่นๆ มันเป็นละครคลายเครียดสบายๆ ผิดกับละครกลางคืนที่จะเครียดๆ ดูจริงจังหน่อย"
+ ละครที่ผ่านมาเกือบทุกเรื่องมักจะเห็นนางเอกสาวนั้นถูกจับเล่นบทเลิฟซีนปากประกบปากไปซะทุกเรื่อง แล้วอย่างนี้เรื่องนี้จะมีให้ลุ้นนอนจิกหมอนกันอีกมั้ยกับบทเลิฟซีน
"อันนี้ต้องอยู่ที่ผู้กำกับอีกทีหนึ่ง ว่าถ้าใช้มุมกล้องได้ก็ใช้มุมกล้อง เราก็ซีเรียสในระดับกลางๆนะ แต่ถ้ามันไม่มีก็ดี แต่ถ้ามีก็ต้องดูเรื่องของความเหมาะสมด้วย แต่กรีนเชื่อว่าผู้กำกับสกรีนให้เราอยู่แล้วแหละ มันคงไม่ถึงขนาดจูบเยอะมาก อย่างกับพี่วีนี่ก็เทกเดียวผ่านเลย อย่างตอนกับพอร์ชอันนั้นก็มีหนึ่งซีน อันนั้นพี่ธงกำกับอยู่ข้างๆ เลย มันเลยไม่ได้รู้สึกอะไร มันก็คือการแสดงมากกว่า พี่เคลลี่เองก็ไม่มีเลย เค้าจะให้เกียรติผู้กำกับ เราก็มีเทคนิคในการเซฟตัวเองเหมือนกัน บางทีก็ใช้นิ้วโป้งเซฟไว้ก็ช่วยได้ มุมกล้องมันก็จะช่วยให้เห็นว่าแก้มเราชนกัน พี่วีเค้าเป๊ะมากเลยนะ รู้ว่ามุมเป็นยังไง ทำยังไงให้น้องไม่ดูแย่"
หลายคนมองว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมีข่าวฉาวนั้นทำให้ความรักของ กรีน อัษฎาพรและ เคลลี่ ธนพัฒน์ นั้นดูเข้มแข็งและเข้าใจกันมากขึ้นและเป็นไปได้ที่จะมองว่ามีอนาคตร่วมกันในเร็วๆ นี้
"กรีนเองก็ต้องเรียนรู้พี่เค้า พี่เค้าก็ต้องเรียนรู้ตัวกรีนต่อไปเรื่อยๆ เรื่องของความรักเราก็คงให้กำลังใจกันต่อไปเรื่อยๆ เรื่องอนาคตมันอยู่ที่เวลา เรื่องที่ผ่านมาเราไม่เคยคิดหรอกว่ามันจะเกิดขึ้นกับเราแต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ แล้วก็รับมือกับมันให้ได้ เวลาจะช่วยเราอย่าไปคิดมัน ที่ผ่านมากรีนก็เรียนทำงาน เราก็จะไม่ค่อยคิดอะไรกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ต่างคนต่างบอกไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวมันก็ผ่านไป"
+ ถึงจะเป็นนางเอกละครมาแล้วหลายแนวทั้งบทดราม่าและคอมเมอดี้ แต่สำหรับในชีวิตจริงแล้วเจ้าตัวบอกมันยิ่งกว่าในละครซะอีกมีหลายช่วงหลายตอนที่ทำให้เกิดอาการท้อแท้ไม่มีกำลังใจ แต่สุดท้ายก็สามารถผ่านมันมาได้
"ชีวิตจริงก็เป็นแบบนี้ส่วนใหญ่จะสู้จิตใจตัวเองไม่ค่อยจะได้นี่คือชีวิตจริงธรรมดาของคน แต่ว่าในเมื่อเราผ่านจุดนั้นมาได้แล้ว ตอนนี้กรีนก็ไม่อยากที่จะไปคิดถึงมันแล้วและก็เลือกที่จะทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่าและไม่อยากที่จะทำให้มันเดือดร้อนไปกว่านนี้อีกตอนนี้เราก็มุ่งแต่เรื่องเรียนและทำงานยิ่งปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ต้องทำทีสีสมันก็เหนื่อยนะ ส่วนพี่เคลลี่ก็สนับสนุนอย่างดีทุกอย่างจริงๆ บางครั้งเงินเรายังไม่ออกแล้วต้องซื้อหนังสือแพงๆ ก็จะบอกพี่เขาว่ายืมหน่อยก็มีแต่ว่าเราไม่ได้ไม่คืนนะเราก็คืน"
+ ถึงจะรักและเข้าใจกันมากขึ้นแต่นางเอกสาวก็ยังไม่กล้าที่จะตัดสินหรือวาดฝันว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
"บอกไม่ได้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงบอกไม่ได้ว่าเราจะเลิกกับพี่เขารึเปล่าเรายังไม่รู้ หรืออนาคตจะแต่งงานกันมั้ยมันเป็นเรื่องของอนาคตจริงๆ ในวันนี้คนจะพูดอย่างโน้นอย่างนี้ว่าเดี๋ยวจะตามดูต่อไป ว่าจะเป็นยังไง วันนี้กรีนก็ยังบอกไม่ได้เลยว่ากรีนจะลื่นมั้ยจะขับรถชนมั้ยอนาคตไม่แน่นอนเรามากันคนละครึ่งๆ ทุกอย่างน่าจะโอเคมากกว่า เรื่องออกจากวงการนั้นอาจเป็นเพราะความรู้สึกของคุณพ่อที่เป็นห่วงเรามากกว่าแต่เราก็อธิบายให้เขาเข้าใจว่ากว่าที่เราจะทำตรงนี้มาได้ด้วยตัวเราเองที่มีวันนี้ได้"