“มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช” เดินหน้ามอบนโยบายกรมการขนส่งทางบก เปิดแผน DLT 4.0 ยกระดับระบบขนส่งอัจฉริยะ ดัน Digital Taxi–GPS Two-Way สู่มาตรฐานใหม่ของไทย พร้อมเร่งผลักดันโครงการ Quick Win เห็นผลภายใน 4 เดือน พร้อมวางรากฐาน Big Win ยกระดับระบบขนส่งปลอดภัย ทันสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 1 ชั้น 3 กรมการขนส่งทางบก
นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ เข้ามอบนโยบายการดำเนินงานและแนวทางขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และผู้บริหารกรมฯ ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานสรุปผลการดำเนินงานและตรวจเยี่ยมศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ณ อาคารศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการขนส่งทางถนน
นางสาวมัลลิกา กล่าวว่า ภายใต้การนำของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายนโยบายสำคัญเพื่อ “ยกระดับการคมนาคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนทุกคน” โดยเฉพาะภารกิจของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งมีบทบาทหลักในการกำกับดูแลระบบขนส่งทางถนนให้มีมาตรฐาน ความปลอดภัย และความเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้มอบแนวทางการขับเคลื่อนงานสำคัญแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่
วางนโยบายเร่งด่วน (Quick Win)
เพื่อแก้ปัญหาและสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในระยะสั้น
• พัฒนา Digital Taxi Meter สร้างมาตรฐานค่าโดยสารที่โปร่งใสและเป็นธรรม
• พัฒนาแอป DLT One เพิ่มประสิทธิภาพการใช้บริการของประชาชน
• ยกระดับระบบ GPS TWO-WAY เพื่อกำกับพฤติกรรมผู้ขับขี่ และเพิ่มมาตรการความปลอดภัย
• นำร่อง e-Medical Certificate ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขับขี่ด้วยระบบดิจิทัล
• อบรมใบขับขี่รถใหญ่ “ฟรี 10,000 คน” ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อผลิตผู้ขับขี่คุณภาพ
• ติดตั้งระบบ CCTV และ AI กำกับสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ทั่วประเทศ ให้ตรวจแม่นยำ 100%
• ศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารใหม่ ให้เหมาะสม เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยไม่เพิ่มภาระรัฐ
นอกจากนี้ ยังเร่งรัดโครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น
ศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม และศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย พร้อมเสนอ ครม. เพื่ออนุมัติโครงการสถานีขนส่งสินค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
วางรากฐานคมนาคมระยะยาว (Big Win)
เพื่อสร้างความยั่งยืนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต
• ส่งเสริมการร่วมลงทุนรัฐ–เอกชน (PPP) ในโครงสร้างพื้นฐานหลัก
• พัฒนา Feeder เชื่อมระบบขนส่งแบบไร้รอยต่อ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว
• ทบทวนกฎหมายขนส่งให้ทันสมัย รองรับเทคโนโลยี เช่น GPS 2-WAY และระบบตรวจการดิจิทัล
• ยกระดับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยมาตรฐาน Q Mark เพื่อแข่งขันในระดับสากล
• ผลักดันแนวคิดจัดตั้ง National Transport Safety Board เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยถาวร
• ส่งเสริมรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV Bus) ลดมลพิษและค่าใช้จ่ายประชาชน
รมช.คมนาคมย้ำว่า จะเร่งผลักดันนโยบาย Quick Win ให้เห็นผลภายใน 4 เดือน และขับเคลื่อน Big Win ให้เป็นรากฐานการคมนาคมไทยยุคใหม่ ที่ทันสมัย ปลอดภัย และยั่งยืน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนในระยะยาว
ด้านนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมฯ จะนำนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ มาสานต่ออย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นพัฒนา “ระบบขนส่งปลอดภัย ทันสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ควบคู่กับการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อให้ระบบขนส่งทางบกของไทยก้าวทันโลกและตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง