Toggle navigation
วันพุธ ที่ 20 สิงหาคม 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
บันเทิง - เลดี้โซไซตี้
"เดวิด อัศวนนท์"ชีวิตหลังฉาก..พรมแดงสุพรรณหงส์
"เดวิด อัศวนนท์"ชีวิตหลังฉาก..พรมแดงสุพรรณหงส์
วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร..
คำกล่าวนี้ มันไม่เกินความจริงเลย เพราะไม่ว่าจะรวยหรือจน หนึ่งในช่วงชีวิตต้องเคยสัมผัสคำว่าสูงสุดคืนสู่สามัญ นั่นมันก็ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่เส้นทางชีวิตบนสะพานข้ามดาวของเหล่านักแสดง ดารา หรือ ซุป{apos}ตาร์ในแวดวงมายา
นั่นจึงเป็นที่มาของ "โชะเด๊ะ" ฉบับนี้ ที่ได้มีโอกาสจับเข่าคุยกับ "เดวิด-ชัชวาลย์ อัศวนนท์" เจ้าของรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 22 และผู้แสดงนำฝ่ายชาย ยอดเยี่ยมจากชมรมวิจารณ์บันเทิง ในภาพยนตร์เรื่อง เคาท์ดาวน์ ที่ชีวิตของ "เดวิด" กว่า จะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างสมบุกสมบันซึ่งนั่นไม่ธรรมดาเลยสำหรับชีวิตของคนบันเทิงคนหนึ่ง..
"ผมเข้าวงการบันเทิงมาประมาณ 10 ปีที่แล้วครับเข้ามาตอนอายุ 28 ปี คืออยากที่จะเป็นนักแสดงมาตั้งนานแล้ว และมีโอกาสเข้ามา เป็นพิธีกรกับน้องตูน (โน้ต ตูน) และก็เริ่มมีงาน พิธีกรเข้ามาเรื่อยๆ เป็นพิธีกรรายการไออีโชว์ดอทคอมของพี่จอห์น รัตนเวโรจน์ ช่วงที่พี่เขาไม่ว่างผมจะมาทำหน้าที่แทนเขาเป็นรายการท่องเที่ยวด้วย และมีงานละครของช่อง 3 บ้าง ช่อง 7 บ้างสลับกันไป และก็เป็นพิธีกรให้กับชิกค์ แชนแนลด้วยเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่น"
"ก่อนที่จะมาทำพิธีกรนี้คือผมกลับมาจาก อังกฤษใหม่ๆ แล้วอยากเข้าวงการได้ไปปรึกษาคุณป้าอมรา อัศวนนท์ ก็ถามว่าผมอยากเข้าวงการ พอจะมีลู่ทางมั้ย ท่านก็บอกว่ามีได้ๆ จากนั้นมา ผมก็เริ่มเข้าหาผู้ใหญ่ แต่โชคไม่ดีมากเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยมีใครให้โอกาส แล้ววันหนึ่งป้าผมต้องเข้าไปแถลงข่าวละครที่ช่องไอทีวี เลยพาผมไปด้วย ซึ่งตอนนั้นผมยอมรับว่าไม่เอาแล้วถอดใจแล้ว เหมือนเราลองมาตั้งนานแล้ว คงต้องทำใจไปหางานออฟฟิศทำดีกว่า คุณป้าบอกว่าไม่เป็นไร ลองมาที่นี่ครั้งสุดท้าย หลังจากนี้ถ้าไม่ได้คือจบผมเลยลองไปดู พอไปแล้วผมเกิดไปเข้าตาผู้ใหญ่ ท่านหนึ่งท่านชอบหรือเห็นอะไรสักอย่างในตัวผมก็เลยให้โปรดิวเซอร์ติดต่อมาแล้วก็ทำรายการนี้ และหลังจากนั้นก็เป็นพิธีกรมาเรื่อยๆ"
+ ใครจะเชื่อว่า "เดวิด" มีเลือดนักแสดงเต็มตัว แต่เรียนจบโดยตรงมาในด้านจิตวิทยา
"ผมเรียนมาทางจิตวิทยาก็เพราะว่าตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ก็ไม่ทราบว่าจะเรียนอะไร เพราะคนส่วนใหญ่ในเอเชียจะเรียนบริหารเรียนธุรกิจ ผมเลยคิดว่าต้องเรียนแบบนั้นด้วยหรือเปล่า แต่พอไปถามอาจารย์ว่าเขาก็คิดว่าอยากที่จะเป็นอะไรเรียนอะไร แล้วในตอนเด็กๆ ผมจะเป็นคนที่ชอบคุยกับคนมากๆ และสิ่งที่สำคัญที่คิดว่าต้องเรียนจิตวิทยา คือ สุดท้ายแล้วทุกคนต้องมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ ก็เลยเลือกที่จะเรียนจิตวิทยา"
+ อย่างที่บอก ทุกคนต้องมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ และก็มีชีวิตเดียว ฉะนั้นชีวิตจึงต้องใช้ซะ
"ตัวผมเองมันมีความรู้สึกว่ามันเป็นชีวิตเดียว ชีวิตหนึ่งเราควรที่จะได้ลิ้มลองและลองทำอะไรหลายๆ อย่าง แต่คือผมเป็นคนที่ชอบเดินทางเรียน รู้ก็เลยไปเป็นพนักงานเสิร์ฟไปเป็นพนักงานชำแหละหมูที่อังกฤษเคยอยากที่จะเป็นคนขับแท็กซี่ด้วยในเมืองไทย แต่ไปที่ไหนเขาก็ไม่รับเขาบอกว่าหน้าไม่ผ่าน (หัวเราะ) จากนั้นได้เข้าวงการทำงานพิธีกร มาเรื่อยๆ จนกระทั่งชีวิตต้องมาล่มสลายเมื่อปี 2006 รายการถูกถอดหมดไม่มีใครจ้างให้ทำ อะไรเลย"
+ ชีวิตมีขึ้นมีลง มันก็เหมือนกราฟชีวิตที่ไม่แน่นอนของ "เดวิด"
"หลังจากว่างอยู่นาน ก็ได้รับโอกาสอีกครั้ง ในงานแสดงเรื่องต้มยำกุ้ง คือมันมีงานบางกอกฟิล์ม เฟสติวัลแล้วเจอพี่ปรัชญา (ปิ่นแก้ว) ก็ไปนั่งกินข้าวกัน พี่ปรัชญาถามว่า อยากทำอะไร ผมเลยตัดสินใจบอก พี่เขาไปตรงๆ เลยว่าผมอยากเล่นหนังกับพี่มาก เป็นตัวอะไรก็ได้ แล้ว แต่พี่จะเห็นสมควรและผมสามารถ เพราะผมประทับใจหนังเรื่ององค์บากมาก จนกระทั่งสองอาทิตย์ผ่านไป พี่เขาก็ให้คนของเขาติดต่อมาแล้วก็ได้เล่นหนังเรื่องนี้ครับ ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิต"
+ หลังจากหนังเรื่องแรกผ่านเข้ามา กราฟชีวิตของ "เดวิด" ก็ตกลงอีกครั้ง และนั่นก็เป็น ที่มาของรางวัลสุพรรณหงส์ในวันนี้
"หลังจากแสดงหนังเรื่องต้มยำกุ้ง ชีวิตผมใน เมืองไทยก็เริ่มล้มเหลวอีกครั้ง ผมก็เลยคิดที่จะไปใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก เรียนเรื่องการแสดงก็เลยหาโรงเรียนสอนการแสดงที่นั่นพอเจอปุ๊บก็บินไปอยู่ที่นั่นเลย ก็เริ่มเรียนการแสดงที่จริงจัง ผมไปอยู่ที่นิวยอร์กได้ 4 เดือน ก็ไปเจอกับบาส (ณัฐวุฒิ พูนพิริยะ) ซึ่งเป็นคนเขียนบทและกำกับหนังเรื่องเคาท์ดาวน์ เขาก็ไปเรียนการกำกับหนังที่นั่น และวันหนึ่งน้องคนหนึ่ง เขาก็มาแนะนำให้รู้จักว่าเขาเป็นผู้กำกับอยากที่จะกำกับหนังสั้นไว้เยอะๆ เพื่อที่กลับมาเมืองไทยแล้วจะได้เอาผลงานไปเสนอได้ ซึ่งช่วงนั้นผมก็ยินดีเพราะผมเองก็อยากที่จะมีผลงานด้วย มาเจอกันก็โอเค และเริ่มที่จะทำหนังสั้นกันมาเรื่อยๆ"
"จนกระทั่งมาทำเรื่องหลงใหล (MISBE HAVERS) มันเป็นหนังกึ่งสั้นกึ่งยาว ซึ่งมันเป็นแกนของหนังเรื่องเคาท์ดาวน์นี่ล่ะ พอทำเรื่องนี้ออกมา ปุ๊บ ที่นั่นมันจะมีเหมือนสมาคมที่จะจัดงานเป็นแบบ ว่าศิลปินผู้กำกับคนไทยมารวมตัวกันแล้วโชว์ผลงานประมาณ 4-5 วันได้ และรู้สึกว่าวันสุดท้ายที่เราเอาเรื่องนี้โชว์และคนต่างให้ความสนใจทั้งคนไทยและคนนิวยอร์ก ก็เลยเอามาทำที่เมืองไทยบ้างและผลตอบรับค่อนข้างดี"
"จากนั้นผู้กำกับเรื่องซัคซี๊ด เขาชอบหนังสั้นเรื่องนี้มาก ก็เลยนำไปเสนอผู้ใหญ่ในจีทีเอช ก็เห็นถึงศักยภาพของหนังเรื่องนี้ และน่าเอามาทำเป็นหนังยาวในเรื่องโหด มัน ฮา หลังจากนั้นบาส ก็กลับมาเมืองไทยเพื่อเขียนบทหนังเรื่องเคาท์ดาวน์ ระหว่างนั้น ผมก็รออยู่ที่นิวยอร์ก ว่าผู้ใหญ่จะโอเค กับหนังเรื่องนี้มั้ย โปรเจกต์จะผ่านหรือเปล่าจนกระทั่งในที่สุดก็อนุมัติ และมาเริ่มถ่ายทำเดือนมิถุนายน 2012 จนกระทั่งเดือนกรกฎาคมถ่าย ทำเสร็จ และเข้าฉายปลายปี จนกระทั่งเดือนมิถุนายนเข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ 7 รางวัล และได้มาก็คือ ตัดต่อยอดเยี่ยม เขียนบทหนังยอดเยี่ยม และนักแสดงชายยอดเยี่ยม"
+ กว่าจะมาถึงอารมณ์ความรู้สึกของ "เดวิด" ในการรับรางวัลสุพรรณหงส์จึงไม่ธรรมดา
"รู้สึกว่ามันเป็นการเดินทางที่ยาวนานไกลและท้อเยอะมากไม่รู้จะไปถึงไหนคนเรามันเดินทาง มีจุดมุ่งหมาย แต่ว่าเราไม่รู้ว่ามันจะถึงที่นั่นเมื่อไหร่ ดีใจมั้ยดีใจมากและภูมิใจมากครับ ได้สองสถาบันมีที่ชมรมวิจารณ์บันเทิงด้วย ซึ่งรางวัลนี้ผมได้เข้าชิงของชมรมวิจารณ์บันเทิงก็รู้สึกว่าดีและเจ๋งแล้ว ยิ่งได้รางวัลมาด้วย ถือว่าฟินมากครับ"
+ เมื่อมีกล่องอยู่ในมือ อะไรก็ย่อมตามมา แต่ "เดวิด" ก็ไม่ได้กะเกณฑ์กับเรื่องชีวิตในอนาคตที่ไม่จีรังยั่งยืน
"งานตอนนี้ ก็กำลังซ้อมละครเวทีอยู่ เรื่อง มนตร์ดำคอมเพล็กซ์ เป็นของอินเด็กซ์ และต้องใช้เวลากับมันเยอะมาก แต่เรื่องของละครทีวียังดูๆ อยู่ครับ ผมจะได้เล่นเป็นตัวร้ายตลอดและผมชอบนะมันมีเสน่ห์การเล่นเป็นผู้ร้ายมันไม่ต้องมามีมาดไม่ต้องเก๊ก ห่วงเท่ไม่ต้องโมโนโทน ขึ้นลงๆ ได้เป็นสีสัน และคนมองเขามองในแง่ตัวร้ายไม่ใช่พระเอกอยู่แล้ว"
"แต่คือชีวิตในวงการบันเทิง คนเราไม่มีใครกะเกณฑ์ได้ คนเราไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเป็นแบบไหนอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นมันก็คือ ผมเคยอยู่ในที่ที่สบาย เคยตกลงมาเคยขึ้นไปหน่อยแล้วตกมาอีก ฉะนั้น จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป ผมก็ยอมรับมัน พรุ่งนี้หมอบอกว่าจะเป็นมะเร็งกำลังจะตาย ผมก็โอเคแล้ว ยังไงมันเหมือนผ่านมาหลายรสชาติแล้วก็เลยไม่สนแล้ว"
+ สุดท้าย "เดวิด" ยังฝากข้อคิดดีๆ ถึงนักแสดงรุ่นหลัง ที่จะก้าวเข้าสู่วงการมายา
"มันมีอยู่อย่างเดียว ถ้าหากว่าคนเราเกิดมาในชีวิตมันต้องยึดเหนี่ยวกับสิ่งที่ฝันและหวังเอาไว้ ถ้าไม่ยึดไว้จะรู้สึกว่าชีวิตล่องลอยมากแล้ว จะเคว้งหลงทาง ทำให้เราถลำลึกลงไปกับสิ่งที่เดิน ทางไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเรามีเป้าหมายเราจะเดินทาง ไปถึง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าท้ออย่าเหนื่อยแล้วไม่เอาแล้วทำยังไงให้เรายืนหยัด และเดินไป เรื่องอุปสรรคมันจะมีมาเรื่อยๆ ในชีวิตอยู่แล้ว มันอยู่ที่ตัวเราว่าจะอดทนหรือจะสู้กับมันได้มากน้อยขนาดไหนและทุกครั้งที่เราข้ามอุปสรรคมา ได้ เราจะเป็นคนที่เก่งขึ้นดีขึ้นมีความมั่นใจมากขึ้น และจะเห็นค่าของตัวเองมากขึ้น ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ทุกคนควรจะตระหนักและจารึกไว้ในวิญญาณเลยล่ะครับ"
ครบรสกับชีวิตหลังฉากพรมแดงสุพรรณหงส์ของ "เดวิด-ชัชวาลย์ อัศวนนท์" ..โชะเด๊ะ!!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ICS Lifestyle Complex เติมเต็มทุกไลฟ์สไต...
...
“ธัญญ่า - อ้น” แท็กทีม “ทราย มาดามฟิน” พ...
...
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒน...
...
แมคโดนัลด์ ประเทศไทย จัดใหญ่! “McDonald’...
...
บิ๊กซี ผนึกเครื่องใช้ไฟฟ้า Simplus จัดงา...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ