AOT เผยการบินปี 2568 โตต่อเนื่อง ทั้งจำนวนผู้โดยสารกว่า 125 ล้านคน และเที่ยวบินกว่า 7.8 แสนเที่ยว ดันรายได้และกำไรพุ่ง พร้อมเดินหน้ายกระดับ 6 ท่าอากาศยานด้วยเทคโนโลยีใหม่–บริการแบบ World Class Hospitality รองรับบทบาทฮับการบินระดับภูมิภาค
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2568 (ระหว่างเดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนกันยายน 2568) AOT มีรายได้จากกิจการการบินรวม 33,047.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,046.83 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 6.6 ขณะที่รายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 68,586.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.12 และมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 18,125.20 ล้านบาท สำหรับปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในสังกัด AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีจำนวนเที่ยวบินรวม 788,095 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 7.56 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 444,944 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 343,151เที่ยวบิน ขณะที่มีผู้โดยสารใช้บริการรวมทั้งสิ้น 125,989,505 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.61 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 76,636,387 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 49,353,118 ล้านคน ซึ่งการเติบโตของผู้โดยสารสอดคล้องกับการดำเนินงานของ AOT ในการเร่งพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยานในความรับผิดชอบทั้ง 6 แห่งในทุกมิติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและยกระดับขีดความสามารถในการรองรับจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ ทสภ.ซึ่งปัจจุบันรองรับผู้โดยสารกว่า 62 ล้านคน
ทั้งนี้ ทสภ.ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการจัดอันดับสำคัญล่าสุด ได้แก่ อันดับที่ 7 สนามบินที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อทางอากาศ และอันดับ 9 สนามบินที่มีการเชื่อมต่อทางอากาศสูงสุดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง จากสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง (ACI APAC&MID) รวมทั้งอันดับที่ 12 ของโลก ในกลุ่ม Global Airport Megahubs 2025 จาก Official Airline Guide (OAG) นอกจากนี้ ยังติดอันดับท็อป 10 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดของโลกจาก Condé Nast Traveler รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานท่าอากาศยานระดับ 4 ดาว จาก Skytrax อีกด้วย การจัดอันดับดังกล่าวสะท้อนถึงคุณภาพการบริการและความสามารถในการบริหารจัดการของท่าอากาศยานเพื่อรองรับผู้โดยสารจำนวนมาก และเพื่อรักษามาตรฐานระดับโลกนี้ไว้ AOT ได้ยกระดับการบริหารจัดการพื้นที่ภายใน ทสภ.เพื่อให้กระบวนการเข้า-ออกผู้โดยสารมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มจุดลงทะเบียนใบหน้าผ่านระบบ Biometric สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการยืนยันตัวตน ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการแสดงเอกสาร รวมทั้งการขยายจุดติดตั้ง Auto Channel บริเวณจุดตรวจคนเข้าเมืองทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อให้กระบวนการตรวจผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว ปลอดภัย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น
นางสาวปวีณา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานของ AOT ในปีงบประมาณ 2568 ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการพัฒนาและยกระดับท่าอากาศยานของไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก ทั้งในด้านศักยภาพการให้บริการและการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง AOT จะเดินหน้าพัฒนาท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบในทุกมิติ ทั้งด้านบริการ เทคโนโลยี ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด ‘World Class Hospitality’ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดแก่ผู้โดยสาร