พช.ผนึกคณะทำงานพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ลุยภาคเหนือปลุกพลังพัฒนาชุมชน 13 จังหวัด เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย ปี 60 ตั้งเป้าเพิ่ม 2,000 ชุมชน เชื่อปี 62 เงินสะพัด 2 แสนล้านบาท บิ๊กไทยเบฟ แนะจังหวัดเชื่อมโยงเพื่อนบ้าน หวังเพิ่มรายได้-มูลค่าผลิตภัณฑ์เหมือนผ้าขาวม้าไปสู่เวทีญี่ปุ่น

นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ นำโดย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน พร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ เพื่อประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐของพื้นที่ 13 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมรับฟังผลการดำเนินงานจากตัวแทน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี คาดว่าสิ้นเดือนกันยายน 2560 จะขยายผลเพิ่มเป็น 2,000 ชุมชน มีรายได้หมุนเวียนเพิ่มขึ้น 18%

โดยขณะนี้มีชุมชนเป้าหมายแล้ว 1,200 ชุมชน สิ่งที่พยายามทำคือ การสร้างกลไก 5 ภาคส่วนในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเอ็นจีโอ ภาคมหาวิทยาลัย และภาคประชาชนบูรณาการความร่วมมือแบบพี่ช่วยน้อง  เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันคือ การสร้างรายได้ให้กับชุมชนเพิ่มมากขึ้น และให้ชุมชนขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน   ซึ่งวิธีคัดเลือกชุมชนจะนำข้อมูลความจำเป็นพื้นฐานมาเป็นเกณฑ์ คาดว่าจะได้เพิ่มเฉลี่ยจังหวัด 30 - 40 ชุมชน

ทั้งนี้ ในภาพรวมทั้งประเทศ พช.ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ให้ประชาชนในเศรษฐกิจฐานราก จากเดิมตั้งไว้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 12% เป็นขยายตัว 18% ในปี 2560 และเพิ่มเป็น 22% หรือมียอดจำหน่ายปีละ 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2562  ภายใต้การพัฒนายกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูง ผลิตได้จำนวนมาก  เช่น  การขยายฐานผู้ประกอบการแบบเชิงรุก  การพัฒนาซัพพลายเชนสู่ตลาด การขยายฐานเครือข่ายผู้ร่วมขับเคลื่อน  การเพิ่มช่องทางการตลาด เป็นต้น

สำหรับองค์ประกอบของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ  ที่กำหนดนั้นคือ 1 - 3 – 5 – 76 - 1  โดย 1 คือเป้าหมาย สร้างรายได้ให้ชุมชน / 3 คือ 3 กลุ่มงาน เกษตร แปรรูป ท่องเที่ยวโดยชุมชน/5 คือ 5 กระบวนการ คือ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารเพื่อการรับรู้ การบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน / 76 - 1 คือ โครงสร้างบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด(วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด 76 แห่ง มีจังหวัดละ 1 แห่ง ส่วนอีก 1 คือ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ หรือ โฮลดิ้งส์ จะมี 24 บริษัทใหญ่ที่คอยช่วยเหลือและแก้ปัญหาต่างๆ ให้

สำหรับการปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดย บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีเชียงใหม่ (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ที่ดำเนินการสนับสนุนผลผลิตกาแฟเทพเสด็จ “วิสาหกิจชุมชนกาแฟสดแม่ตอน” อ.ดอยสะเก็ด และสนับสนุนให้กลุ่มเข้ารับการอบรมกับบริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด มีการนำเมล็ดกาแฟของกลุ่มเข้าร่วมทดสอบคั่วกาแฟ โดยเครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้ทราบที่มาของกาแฟและคุณลักษณะเด่นของกาแฟที่นำไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาการสร้างตราสินค้า “เทพเสด็จ” คิดเป็นมูลค่ากว่า 145,000 บาท

อีกตัวอย่าง คือ หมู่บ้านแม่กำปองจ.เชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยทุนทางธรรมชาติ ทุนทางวัฒนธรรมและทุนทางสังคมที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งถือเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่กรมการพัฒนาชุมชน ภูมิใจนำเสนอการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนจนเกิดความเข้มแข็ง ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้ สู่เป้าหมายเดียวกัน คือ “สร้างรายได้ให้ชุมชน ประชาชนมีความสุข”

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี หัวหน้าทีมภาคเอกชน กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดคือการเพิ่มรายได้และทำให้ประชาชนมีความสุข ดังนั้นการทำงานของทุกจังหวัดต้องเชื่อมโยงกับจังหวัดใกล้เคียงกันด้วย เพื่อสร้างโอกาสให้กับสินค้าบางประเภทให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น การทำงานครั้งใหญ่ครั้งนี้ หวังว่าจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์เด่นๆของแต่ละจังหวัด เหมือนกับผ้าขาวม้าของไทยที่กำลังจะไปขึ้นเวทีแฟชั่นระดับโลก ที่ประเทศญี่ปุ่นในเวลาอันใกล้นี้

ทั้งนี้การดำเนินของบริษัทประชารัฐรักสามัคคีฯ ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหัวใจในการดำเนินงาน โดย 5 ภาคส่วนในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเอ็นจีโอ ภาคมหาวิทยาลัย และภาคประชาชนต้องร่วมกันบูรณาการความร่วมมือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำงานเป็นทีมเวิร์ค ซึ่งจะสามารถทำงานไปสู่ความสำเร็จตามนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท้ายที่สุดนำไปสู่การทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

อนึ่งภายใต้การนำของพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการเปิดตัวบริษัทประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งดำเนินงานภายใต้แนวคิด Social Enterprise (SE) บริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล ที่เป็นบริษัทส่วนกลางสนับสนุนเชื่อมประสานในระดับประเทศ และมีบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี จังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด จำนวน 76 แห่ง ทำหน้าที่ค้นหาชุมชนที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมดำเนินการบริหารจัดการบริษัท ด้วยการเน้น 3 กลุ่ม อันได้แก่ การเกษตร การแปรรูป (SME/OTOP) และการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยในปีนี้บริษัทประชารัฐครบรอบ 1 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก