นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบสถานที่ผลิตและร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตแล้วกว่า 10,333 แห่ง สุ่มเก็บตัวอย่างปุ๋ยมาตรวจวิเคราะห์ 350 ตัวอย่าง วัตถุอันตรายทางการเกษตร 253 ตัวอย่าง และเมล็ดพันธุ์พืช 124 ตัวอย่าง
ขณะเดียวกันยังได้สั่งอายัดปัจจัยการผลิตเพื่อตรวจสอบคุณภาพ แยกเป็น ปุ๋ยชนิดเม็ด จำนวนกว่า 2,484.80 ตัน ปุ๋ยชนิดน้ำ 76,691 ลิตร วัตถุอันตรายทางการเกษตรชนิดผง 1,663 กิโลกรัม ชนิดน้ำ 7,212.5 ลิตร และเมล็ดพันธุ์พืช 363.81 กิโลกรัม หากผลตรวจสอบพบว่า ไม่ได้มาตรฐาน จะไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการนำออกไปจำหน่ายและดำเนินการทางกฎหมายทันทีกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อปกป้องเกษตรกรไม่ให้ถูกเอาเปรียบ
ทั้งนี้ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา สารวัตรเกษตรร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้เข้าจับกุมดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว 16 คดี มูลค่ารวมกว่า 48.26 ล้านบาท เป็นคดีเกี่ยวกับปุ๋ย จำนวน 11 คดี มูลค่า 46.78 ล้านบาท พร้อมยึดของกลางเป็นปุ๋ยชนิดเม็ด จำนวน 3,071.7 ตัน และปุ๋ยชนิดน้ำ 11,977 ลิตร นอกจากนั้น ยังดำเนินคดีเกี่ยวกับวัตถุอันตรายทางการเกษตร จำนวน 5 คดี มูลค่า 1.48 ล้านบาท และยึดของกลาง 4,113 ลิตร
“กรมวิชาการเกษตรได้ให้ความสำคัญกับปัญหาปุ๋ยปลอม ซึ่งยังมีผู้ประกอบการบางรายจ้องฉวยโอกาสลักลอบผลิตออกมาจำหน่ายโดยเฉพาะปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด ทั้งยังมีระบบขายตรงและพ่อค้าเร่ขายตามหมู่บ้านต้องติดตามอย่างเข้มงวดและใกล้ชิด ขณะเดียวกันยังเน้นให้สารวัตรเกษตรแต่ละพื้นที่ควบคุมปัจจัยการผลิตตามฤดูกาลผลิตพืช เฝ้าระวังสูตรปุ๋ยและชนิดวัตถุอันตรายที่เกษตรกรนิยมใช้”อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว