ผู้สื่อข่าวติดตามการประกอบอาชีพการเกษตรและปศุสัตว์ ในจังหวัดนครปฐม โดยได้เข้าสอบถามนางฉลอง เสือบางพระ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 13 ตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เกษตรกรที่ยึดอาชีพการเลี้ยงกบ เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัวมาแล้วถึง 5 ปี โดยเขาใช้วิธีเลี้ยงกบให้มีการจับขายได้อย่างต่อเนื่อง แบบรุ่นสู่รุ่นที่สามารถจับกบขายได้แทบทุกวันตลอดทั้งปีกันเลย และกบบ่อที่กำลังจับอยู่นี้ก็อายุเพียง 3 เดือนก็จะมีพ่อค้าคนกลางเข้ามาจับไปขายต่อเนื่องซึ่งเป็นอาชีพเกษตรกร ที่สร้างรายได้ที่มั่นคงอีกอาชีพหนึ่ง

                นางฉลอง บอกว่า กบที่จับส่งขาย เริ่มต้นมีอายุเพียง 3 เดือน ที่จำเป็นต้องจับก็เนื่องมาจากราคาขายเริ่มลดลงมา และอาจมีแนวโน้มว่าจะลดลงมากกว่านี้ หากเลี้ยงต่อไปอีกกบจะโตและมีน้ำหนักมากกว่านี้ก็จริง แต่เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วก็คงเหลือเท่ากับการจับครั้งนี้ เนื่องจากกบอายุ 3 เดือน บ่อนี้มีทั้งไซด์ใหญ่ (3 ตัวต่อกิโลกรัม) ไซด์ขนาดกลาง (4 ตัวต่อกิโลกรัม) และขนาด 5-6 ตัวต่อกิโลกรัม แล้ว ซึ่งกบที่เลี้ยงมาอย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปี รวม 12 บ่อ จะใช่วิธีการเลี้ยงแบบรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้มีการจับขายได้อย่างต่อเนื่องทั้งปี หากรวมทั้ง 12 บ่อ จะใช้ลูกกบพันธุ์ประมาณ 700,000 ตัว เมื่อคำนวณจับในแต่ละครั้งเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว ใช้ระยะเวลาภายใน 3 เดือน ก็จะสามารถสร้างรายได้ประมาณเดือนละ250,000 ถึง 300,000 บาท ถือว่ามีรายได้ที่ดีไม่น้อย

                นายกิตติพงศ์ เมืองสิทธิ์ อายุ 38 ปี พ่อค้าคนกลาง อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี บอกว่า ตนเองจะตระเวน นำคนงานมาทำการจับกบ เพื่อนำไปขายที่ตลาดคลองเตย รวมทั้งยังส่งให้กับลูกค้าที่ตลาดบางกะปิ และที่ตลาดยิ่งเจริญด้วยโดยในแต่ละวันเขาจะจับกบไปขายวันละประมาณ 1-1.5 ตัน ซึ่งราคากบช่วงนี้ตกลงมาเล็กน้อย คือ กบใหญ่กิโลกรัมละ 55 บาท สาเหตุที่กบช่วงนี้ราคาลง ก็เพราะมีเกษตรกรหันมาเลี้ยงกบกันมากขึ้น ดังนั้นเมื่อกบล้นตลาดราคาก็จะลดลงตามราคาท้องตลาดสำหรับผู้เลี้ยงกบ ราคานี้ยังถือว่าไม่ขาดทุนยังคงมีกำไรอยู่ การเลี้ยงกบจะใช้ระยะเวลาการเลี้ยงประมาณ 3-3.5 เดือน ก็สามารถเข้าไปจับเพื่อส่งจำหน่ายได้ โดยตนเองก็ออกจับกบจากบ่อของเกษตรกรได้ทุกวัน ซึ่งโอกาสของอาชีพนี้ก็ยังมีอยู่มาก แต่ก็ต้องศึกษาเรื่องโรคต่างๆ ที่อาจจะมาในไร่ ถ้าเกิดโรคแล้วจะมีการตายยกคอกก็มี ความเสี่ยงเรื่องนี้ก็ต้องศึกษาให้ดีด้วย