 
         
    	นายพยุง ภัทรกุลชัย ที่ปรึกษาสมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย กล่าวว่า พื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย ที่สมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทยรับผิดชอบ มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำประมาณ 300,000 ไร่ กระจายอยู่ใน18 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี สระบุรี ชัยนาท และ อุทัยธานี แยกเป็นการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ประมาณ 120,000 ไร่
การเพาะเลี้ยงกุ้งระบบความเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืด ประมาณ 100,000 ไร่ และการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด ประมาณ 80,000 ไร่ มีเกษตรกรผู้ประกอบการมากกว่า 10,000 ราย นำรายได้จากการผลิต และจำหน่ายลูกพันธุ์สัตว์น้ำ สัตว์น้ำกร่อย และสัตว์น้ำจืด เช่น กุ้งทะเล ปลากะพงขาว หอยแมลงภู่ หอยแครง ปูม้า ปูทะเล กุ้งก้ามกราม ปลานิล ปลาทับทิม ปลาสลิด และปลาน้ำจืดชนิดต่างๆ มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทในแต่ละปี
“แต่ละพื้นที่กำลังประสบปัญหาทั้งการเสื่อมโทรมของแหล่งเพาะเลี้ยง โรคระบาดสัตว์น้ำ กฎหมายและข้อบังคับต่างๆจากภาครัฐ ทำให้การผลิตสัตว์น้ำขาดความมั่นคงและยั่งยืนในการประกอบอาชีพ ”ที่ปรึกษาสมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย กล่าว
สำหรับการเลี้ยงที่ทางกลุ่มแนะเกษตรกรนั้น เน้นการเลี้ยงแบบผสมผสาน คือ 1 บ่อสามารถเลี้ยงได้ทั้งกุ้งขาว กุ้งก้ามกราม และปลา โดยเฉลี่ยบ่อกุ้ง 1 บ่อ จะปล่อยกุ้งอยู่ที่ 1 หมื่นตัว โดยไม่ต้องใช้เครื่องตีอ็อกซิเจน ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการจับกุ้งขายได้หลายรอบ เฉลี่ยเดือนหนึ่งหลายหมื่นบาท ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้เกษตรจำนวนมากยังขาดความรู้
ดังนั้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้เลี้ยงกุ้งและสัตว์น้ำ ทางสมาคมฯจึงจัดวันกุ้งภาคกลาง ประจำปี 2560ภายใต้หัวข้อ “สร้างความมั่นคงการผลิตสัตว์น้ำภาคกลาง ตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ในวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ณ โรงแรมวาสิฏฐี ซิตี โฮเทล อ.เมือง จ.สุพรรณบุรีเพื่อเป็นการติดอาวุธให้กับเกษตรกรและเป็นพื้นที่พบปะระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งคาดว่าภายในงานจะมียอดยอดสั่งซื้อหลายร้อยล้านบาท จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมงานในวันดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย