เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า "จันทบุรี" เป็นเมืองผลไม้ดี สดใหม่ อร่อย เพราะจังหวัดนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวยต่อการปลูกผลไม้หลายชนิด โดยเฉพาะ ทุเรียน เงาะ มังคุด ลางสาด และพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ เป็นต้น และด้วยความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งในดินและในน้ำ ประกอบกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ที่เอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตร จึงส่งผลให้ประชาชนในจังหวัดดังกล่าวเกินครึ่งหนึ่งมีอาชีพทำเกษตรกรรม ซึ่งถือว่าภาคเกษตรกรรมมีบทบาทสำคัญในการช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของเมืองจันทบุรีให้เติบโตได้เป็นอย่างดี
สำหรับ “นายวันชัย อิงขนร” นายกเทศมนตรี ตำบล พลวง อ.คิชฌกูฎ จ.จันทบุรี ก็เป็นผู้บุคคลหนึ่งที่มีความสนใจในการทำเกษตรมาตั้งแต่วัยรุ่น เนื่องจากได้ร่ำเรียนศึกษาทางด้านเกษตร เอกพืชสวน มาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี ปี 2525 จวบจนเรียนจบ จนถึงปัจจุบันก็ได้ทำอาชีพเกษตกร ทำสวนปลูกมังคุด เงาะสีทอง และลางสาด มากว่า 36 ปีแล้ว บนจำนวนพื้นที่ไร่ราว 38 ไร่ โดยพื้นที่จำนวน 30 ไร่ ได้ทำการปลูกมังคุดเกือบทั้งหมด ส่วนพื้นที่ไร่ที่เหลือได้แบ่งไปทำการปลูกเงาะสีทองและแซมการปลูกลองกองบ้างเล็กน้อย
โดย วันชัย อิงขนร เล่าให้ฟังต่อว่า ในอดีตก่อนหน้านี้การทำสวนตนเองจะใช้ปุ๋ยเคมีเป็นหลัก เพราะมีความสะดวกในการซื้อ และเห็นผลรวดเร็ว พอเข้าสู่ยุคเกษตรอินทรีย์ ก็ได้หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ แต่ลองใช้ไปแล้วก็ยังมีสารเจือปน และไม่ค่อยได้ผลกับการทำสวน ถ้าได้ผลดีเต็มที่ก็จะได้ประมาณ 60-70% แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์กับชาวไร่ชาวสวนมากนัก แม้การลงทุนปุ๋ยแบบนี้จะลงทุนเพียง 6- 7 หมื่นบาทแต่ผลผลิตที่ได้กลับไม่ได้ตามที่ต้องการมากนักซึ่งสามารถทำรายได้หลังจากเก็บผลผลิตนำไปจำหน่ายได้เพียง 3 แสน-4 แสนเท่านั้น แต่ในตอนนี้ ทางสวนได้หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์โชบุพลัสประมาณปีกว่า ๆ ในการนำมาเพาะปลูกผลปรากฏว่าใช้ได้ผลดีเต็มเม็ดเต็มหน่วย เรียกได้ว่า ได้ผลเกือบ 100% ซึ่งถือได้ว่าตอบโจทย์กับคนทำเกษตรเป็นอย่างมาก
“ ผมได้รู้จักปุ๋ยอินทรีย์โชบุพลัสเมื่อปี 2559 โดยทางสยามธุรกิจมาเปิดงานสัญจรที่จังหวัดจันทบุรี และมีผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี “วิทูรัช ศรีนาม” มาเป็นประธานเปิดงาน จึงได้รู้จักตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และได้เริ่มทดลองใช้ทันที แต่ก็ยังชั่งใจในตอนแรกเลยได้ทำการทดลองปลูกในช่วงแรกแค่แปลงเล็ก ๆ ก่อน เพราะเคยมีประสบการณ์จากอดีต ที่ลองปุ๋ยอินทรีย์จากที่อื่นแล้วไม่ว่าจะเป็น ดอกเงาะ และมังคุดไม่ค่อยติด ลูกขึ้นยาก แต่พอได้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ดังกล่าวแล้วผลที่ตามมาดีเกิดคาดได้ผลเกือบ 100% จึงรู้สึกประทับใจมาก เพราะสามารถส่งผลให้เราได้ผลผลิตมากขึ้น จนมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัวประมาณ 3-4 ล้านบาท เพียงลงทุนเพิ่มแค่ 2 แสนบาท แต่กลับได้ผลกลับคืนที่คุ้มค่ามากจากการที่สวนเราได้หันมาปุ๋ยดังกล่าว อีกทั้งเรายังลองนำเอาปุ๋ยไปทดลองใช้กับยางพาราที่หน้ายางเริ่มตายบ้าง และได้ผลเกินความคาดหมายอีก ตรงนี้เหมือนชุบชีวิตคืนยางพารามาได้ จึงหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์สยามธุรกิจ 100% ตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นมา”