*** มาลี รีภาพลักษ์แบรนด์ รุก ตลาด ตป.
นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดน้ำผลไม้ผลไม้ 100% เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงด้วยสัดส่วน 1 ใน 3 ของตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 14,000 ล้านบาท(ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2560) ทั้งนี้ “น้ำผลไม้ 100%” ยังเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าขายดีที่สุดของมาลี โดยมียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 50% ของยอดขายในประเทศ หลังจากที่วางตลาดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาส่งผลให้มาลีมีแชร์ในตลาดเดือนกรกฎาคมเดือนเดียวเป็น 26% จากเดิม 21% และปีนี้ทั้งปีตั้งเป้าหมายเติบโต 10% และมีส่วนแบ่งประมาณ 21% ส่งผลให้ล่าสุดมาลีใช้งบประมาณ 60 ล้านบาทปรับบรรจุภัณฑ์สำหรับน้ำผลไม้ 100% โฉมใหม่ ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) บรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ นับเป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นสากล และยังเป็นผลิตภัณฑ์โดนใจผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ กลยุทธ์ที่ 2) การกระชับพอร์ตผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การเก็บรักษา การทำตลาด และการจัดจำหน่าย โดยได้ปรับลด SKU ที่ได้รับความนิยมน้อยลง 20% ที่ช่วยทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ตรงตามความต้องการได้ง่ายขึ้น กลยุทธ์ที่ 3) โปรแกรมสื่อสารทางการตลาดรอบด้าน ที่เข้าถึงผู้บริโภคด้วยช่องทางการสื่อสารแบบครบวงจร 360 องศา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้แนวโน้มตลาดน้ำผลไม้ในไทยยังคงแข่งขันกันรุนแรงทั้งจากผู้เล่นรายเดิม รายใหญ่ และรายใหม่ที่เข้าตลาดต่อเนื่อง ส่งผลแข่งขันด้านราคาและโปรโมชั่น ตลาดติดลบต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยไม่ค่อยดี ส่งผลกระทบในระยะยาว ดังนั้น บริษัทฯ มองว่าจำต้องปรับตัวในการออกสินค้าใหม่ที่เป็นสินค้าสุขภาพ ภายใต้ซับแบรนด์อื่นๆ เช่น มาลีนิวเทรียน ล่าสุดจะออกรสมัลมอนด์ เป็นต้น อีกทั้ง ภายในสิ้นปีนี้จะเห็นกลุ่มใหม่ๆ ออกมาทำตลาดมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังวางแผนต้องการจะขยายธุรกิจไปต่างประเทศมากขึ้นโดยจะโฟกัสตลาดอาเซียนและจีนเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นตลาดที่ทำอยู่แล้วแต่จะขยายเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าจะปั้นให้เป็นโมเดลไทยแลนด์คือมีการทำตลาดเต็มที่ จากเดิมเพียงส่งออกไปเท่านั้น จะเน้นที่เป็นตลาดหลักประมาณ 25 ประเทศ จากเดิมมีกว่า 40 ประเทศ ซึ่งตลาดต่างประเทศไตรมาส 1 ปีนี้ โต 30% ไตรมาส 2 โต20% คาดทั้งปีรายได้เติบโต 40% จากตลาดดังกล่าว ”
สำหรับตลาดรวมน้ำผลไม้ในประเทศไทย กรกฎาคม 2559-กรกฎาคม 2560 มีมูลค่ารวม 13,200 ล้านบาท ติดลบ 7% ซึ่งตลาดรวมติดลบมา 2-3 ปีแล้ว จากเดิมช่วงก่อนหน้านี้เติบโต 2 หลัก เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี และคนไทยยังบริโภคน้ำผลไม้ต่ำมากแค่ 4 ลิตรต่อคนต่อปีเท่านั้น ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ขณะที่คนยุโรปอยู่ที่ 20 ลิตรต่อคนต่อปี และคาดว่าปี 2560 นี้ทั้งปีตลาดรวมจะติดลบอีก 5% โดยสามารถแยกเป็นตลาดกลุ่มพรีเมียม น้ำผลไม้ 100% มูลค่า 5,000 ล้านบาท สัดส่วน 38% ติดลบ 2%, ตลาดกลุ่มมีเดียม น้ำผลไม้ 40-99% มูลค่า 1,200 ล้านบาท สัดส่วน 10% โต 2%, กลุ่มประหยัด น้ำผลไม้ 25-39% มูลค่า 2,700 ล้านบาท สัดส่วน 20% ติดลบมากที่สุด 17% , กลุ่มซูเปอร์อีโคโนมี มูลค่า 2,300 ล้านบาท สัดส่วน 18% โต 1% ส่วนที่เหลือมูลค่า 1,700 ล้านบาท สัดส่วน 14% เป็นอื่นๆ ติดลบถึง 16%
*** “ชบา” ลุยสร้างแบรนด์ หวังขึ้นแท่นท็อปทรี
นางสาวนริศรา กุลปิยะวาจา ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ชบาบางกอก จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้ แบรนด์ชบา (CHABAA) กล่าวว่า แบรนด์ชบาก่อตั้งมากว่า 15 ปี โดยแรกเริ่มมีนโยบายมุ่งขายเฉพาะในต่างประเทศ และได้การยอมรับมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย เราอาจจะเหมือนเป็นน้องใหม่ในตลาด แต่เชื่อว่าด้วยคุณภาพในมาตรฐาน และรสชาติสินค้าที่หลากหลาย จะช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ไม่ยาก รวมถึงในปีนี้ชบายังได้รับรางวัล Superior Taste Award 2017 ในด้านรสชาติดีเลิศ ของสถาบันรับรองด้านรสชาติและคุณภาพอาหารนานาชาติ iTQi (The International Taste & Quality Institute) จากน้ำผลไม้ 3 รส คือน้ำส้มแมนดาริน 100% น้ำส้มโอ 100% และน้ำมะเขือเทศ 100% ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายการันตีความมั่นใจในเรื่องรสชาติ
ปัจจุบันเรามีโรงงาน 1 แห่ง คือที่บางปู จังหวัดสมุทรปราการ แต่เนื่องจากกำลังการผลิตที่มีอยู่ค่อนข้างแน่น ไม่พอรองรับความต้องการของลูกค้าได้เต็มที่ ส่งผลให้ไม่กล้ารับลูกค้าใหม่ ปีนี้บริษัทฯ จึงได้ขยายโรงงานแห่งที่ 2 ในนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี บนขนาดพื้นที่ประมาณ 62 ไร่ ด้วยงบประมาณการลงทุนรวมเครื่องจักรและที่ดินกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งทุกอย่างพร้อมเดินเครื่องได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 61 เพื่อเพิ่มกำลังผลิตอีกเท่าตัวเป็น 100% และคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในประเทศให้โตขึ้นได้ปีละ 20% อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าขยับก้าวสู่อันดับ 3 ในตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มภายในปี 65
“ ปีที่ผ่านมาเราปิดยอดขายรวมทั้งในและต่างประเทศที่ 2,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะสามารถปิดยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งวัดจาก 2 ไตรมาสที่ผ่านมากับผลตอบรับที่ดีมากในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไลน์ใหม่ได้แก่ น้ำมะพร้าว 100 % และน้ำมะพร้าวช็อกโกแลต 100% รองรับเทรนด์สำหรับคนรักสุขภาพ บวกกับดีไซน์ที่โดดเด่นในกล่องสีน้ำเงิน รวมถึงยังมีน้ำผลไม้รสชาติอื่นๆ ที่หลากหลายกว่าใครในตลาด อาทิ น้ำส้มโอ น้ำพีชผสมมะม่วง และน้ำผักผสมแตงโม ฯลฯ ซึ่งไม่มีใครคิดว่าสามารถทำได้ แต่จริงๆ เราขายมานานแล้ว และชาวต่างชาติเขาก็ชอบมาก”
สำหรับแนวทางการทำการตลาด เรามีการประชาสัมพันธ์สร้างการรู้จักแบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ เช่น วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ต่างๆ มีกิจกรรมการชงชิมฟรีในห้าง เพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงรสชาติที่อร่อยแตกต่าง รวมถึงโครงการซีเอสอาร์ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่จะกลายมาเป็นมิดเดิ้ลเอจในอนาคตอีก 5-10 ปี ซึ่งถือเป็นการลงทุนในระยะยาว ที่หากวันนี้ได้รับการยอมรับและกลายเป็นฐานลูกค้าหลัก ก็ส่งผลทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างยั่งยืน ปัจจุบันชบามีช่องทางการจัดจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ บิ๊กซี เทสโก้โลตัส แม็คโคร และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ รวมถึงจัดจำหน่ายผ่านออนไลน์ด้วย