เกือบหลายสิบปีที่ผ่านมาสำหรับกลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยว “สาหร่าย” ในประเทศไทยก็คงมีอยู่ 2 แบรนด์ชั้นนำที่ผู้บริโภคคนไทยส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดี อย่าง “เถ้าแก่น้อย” และ “มาชิตะ” ที่ยังคงรุกทำตลาดฟาดฟันตีคู่กันอย่างดุเดือดมาโดยตลอด และสิ่งหนึ่งที่ทั้ง 2 แบรนด์ได้เลือกนำมาใช้ในการดึงดูด สร้างความสัมพันธ์ และการรับรู้แบรนด์ให้ขยายในวงกว้างให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น วัยทำงาน มากขึ้น มาหลายต่อหลายปี จนถึงตอนนี้ นั้นก็คือ การใช้กลยุทธ์ “ไอดอลมาร์เก็ตติ้ง” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
โดยจุดเริ่มต้นการนำกลยุทธ์นี้มาใช้ ประเดิมมาจากเถ้าแก่น้อยซึ่งถือเป็นแบรนด์สาหร่ายแบรนด์แรกที่นำกลยุทธ์นี้มาใช้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผ่านมาเลือกใช้ไอดอลนักร้องวงดังจากประเทศเกาหลี อย่าง วง BEAST ต่อมาวง 2PM และ วง GOT 7 ที่มี “แบม แบม” สมาชิกคนไทยด้วย จนกระทั้งยังนำ “นิชคุณ” สมาชิกคนไทยที่เป็นศิลปินเกาหลีวง 2PM มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เดี่ยวอีกครั้ง ส่วนทางด้านมาชิตะ ถึงแม้จะเป็นแบรนด์สาหร่ายที่เข้ามาทำตลาดที่หลัง แต่ก็ไม่ยอมน้อยหน้าก็ได้นำไอดอลนักร้องเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เช่นกัน อาทิ “คยูฮยอน” แห่งวง Super Junior ที่ใช้มานานถึง 5 ปี และต่อมาที่ 5 หนุ่มวง NCT ซึ่งก็มี “เตนล์” สมาชิกชาวไทยเป็นหนึ่งในพรีเซ็นเตอร์เช่นกัน
และจากที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าทั้ง 2 แบรนด์ก็คงยังยืนหยัดใช้ กลยุทธ์ “ไอดอลมาร์เก็ตติ้ง” ในการทำตลาดสร้างการรับรู้ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ “สาหร่าย” ผ่านตัวพรีเซ็นเตอร์ ร่วมกับการจัดกิจกรรมทางการตลาดในการช่วยผลักดันยอดขายไปด้วยพร้อม ๆ กัน อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น แปลว่ากระแส K-POP ของเกาหลีใต้ก็ยังคงฮอตฮิตและมีอิทพลกับผู้บริโภคคนไทยที่เป็นฐานแฟนคลับของเหล่ากลุ่มดาราศิลปินเกาหลีที่คาดว่ามีจำนวนมากที่เป็นส่วนหนึ่งในการขยายการรับรู้ของแบรนด์ให้ที่รู้จักผ่านพลังของแฟนคลับเหล่านี้ด้วย
*** “เถ้าแก่น้อย” เบนเข็ม ดึงไอดอล 4 หนุ่ม “F4” ไต้หวัน นั่งพรีเซนเตอร์ ลุยจีนจริงจัง ***
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดของสาหร่ายเถ้าแก่น้อยในปีนี้ เรามุ่งสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยในกลุ่มสินค้า “บิ๊กโรล” เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าเถ้าแก่น้อย บิ๊กโรล ได้รับความนิยมมาก ทำให้มีการเติบโตสูงสุดในช่องทาง Traditional Trade ดังนั้นเราจึงต้องการขยายสู่กลุ่มนักเรียน วัยรุ่น นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง รสกิมจิ เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น นอกเหนือจากรสคลาสสิคและสไปซี่ อีกทั้งยังพัฒนาบรรจุภัณฑ์แพ็คไซส์ ในรูปแบบกล่องด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาแบรนด์เถ้าแก่น้อยได้นำกลยุทธ์ไอดอลมาร์เก็ตติ้งมาใช้อย่างต่อเนื่อง และในปีนี้เองเราก็คงยังเน้นการใช้กลยุทธ์ดังกล่าวอยู่ ด้วยการนำ4 หนุ่ม F4 ประเทศไต้หวัน ประกอบด้วย ดีแลน หวัง , ดาร์เรน เฉิน , ลีออน เหลียง และ ซีซาร์ อู๋ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ใหม่เพื่อทำตลาดเถ้าแก่น้อยกลุ่ม บิ๊กโรลในปีนี้ ภายใต้งบ 40 ล้านบาท จากงบตลาดรวมทั้งปีตั้งไว้ที่ 100 ล้านบาท ผ่านแผนสื่อสารการตลาดแบบ 360 องศาผ่านสื่อต่างๆ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และออนกราวนด์
ทั้งนี้ หนึ่งสาเหตุที่ปีนี้เราเปลี่ยนเลือกพรีเซ็นเตอร์จากที่เคยใช้ไอดอลเกาหลีมาเป็นไอดอลไต้หวันนั้น เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมที่จะบุกทำตลาดจีนอย่างจริงจังแล้วในปีนี้ จากที่ผ่านมา 10 ปีแล้วเราได้เข้าไปทำตลาดประเทศจีนจนได้รับความนิยมอย่างสูงมียอดขายเป็นอันดับ 1 มากกว่า 2,000 ล้านบาท และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในอันดับต้นๆ ในตลาดสาหร่ายจีน โดยเถ้าแก่น้อย บิ๊กโรลเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในประเทศจีนมีสัดส่วนมากกว่า 60% ปีนี้จึงเลือก 4 หนุ่ม F4 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากแฟนคลับในจีนสูงไม่แพ้เมืองไทย เป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อรุกทำตลาดด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าไปเปิดแฟลกชิปสโตร์บนแพลตฟอร์ม Tmall ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของอาลีบาบากรุ๊ป ในการรุกตลาดจีนในช่องทางออนไลน์เพิ่มด้วย เพื่อในการสร้างการรับรู้และปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผู้บริโภคชาวจีนให้รู้จักและเข้าถึงหาซื้อสินค้าของเราได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งมองว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าในเมืองรองอื่นๆ ของจีนให้ซื้อสินค้าเราง่ายขึ้นอีกด้วย อีกทั้ง บริษัทมองว่าในอนาคตหากมียอดขายเกิน 3,000 ล้านบาท ในจีน อาจจะมีพิจารณาการตั้งโรงงานผลิตในจีนด้วย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมามียอดขาย 5,662 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10 % ในทุกกลุ่มสินค้าทั้งสาหร่ายทอด อบ ย่าง และเทมปุระ ขณะที่สาหร่ายเถ้าแก่น้อย บิ๊กโรลปัจจุบันมียอดขายรวม 300 ล้านบาท ซึ่งการรุกตลาดต่อเนื่องบริษัทตั้งเป้าที่จะผลักดันให้มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาทภายในระยะเวลา 3 ปี ปัจจุบันเถ้าแก่น้อยมีส่วนแบ่งตลาด 69 % จากตลาดรวมสาหร่ายเมืองไทปี 2561 ราว 3,032 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 5.2
**“มาชิตะ” ผุดสาหร่าน สูตร 0% ผงชูรส ดึง “พัคจีฮุน”พรีเซ็นเตอร์ ย้ำกลยุทธ์ศิลปิน K-POP**
ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอลล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า สำหรับแนวทางการทำตลาดผลิตภัณฑ์สาหร่ายมาชิตะในปี 2562 นี้ ปีนี้จะเน้นกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ โดยการออกสินค้าใหม่ พร้อมปรับสูตรการผลิตของผลิตภัณฑ์ รับเทรนด์การรักสุขภาพ ยังคงมาแรงและขยายตัวมากขึ้น ล่าสุด มาชิตะ ถือเป็นแบรนด์เดียวในตลาดสาหร่ายที่ทุกสินค้าเป็นสูตร 0% ผงชูรส แต่ยังคงไว้ซึ่งความอร่อย พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “พัคจีฮุน” สมาชิกบอยแบนด์ “วอนนาวัน” ศิลปินไอดอลเกาหลี เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักวัยรุ่นอายุ 12-18 ปี นอกจากนี้ บริษัทยังทุ่มงบประมาณมากกว่า 50 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมการตลาด มีแคมเปญต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น เช่น การจัดกิจกรรมบนโลกออนไลน์ทายพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ กระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์เปิดให้กลุ่มเป้าหมายแฟนคลับได้เข้ามาร่วมกิจกรรมกับแบรนด์และพรีเซ็นเตอร์คนใหม่อย่างใกล้ชิด และสื่อสารการตลาดสร้างการรับรู้สินค้าสูตรใหม่แบบไม่มีผงชูรสผ่านสื่ออย่างครบวงจรทั้ง Above the Line และ Below the Lin
“จากที่ผ่านมามาชิตะได้ใช้กลยุทธ์ไอดอลมาร์เก็ตติ้งส่งผลให้แบรนด์มาชิตะมีการเติบโตหลายด้าน ที่สำคัญยังเป็นการตอกย้ำภาพผู้นำของมาชิตะ ในการใช้ศิลปินเกาหลีเป็นพรีเซ็นเตอร์ และช่วยสร้างการรับรู้ สร้างแบรนด์เอนเกจเมนท์กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในหมู่วัยรุ่นได้เป็นอย่างดี รวมถึงผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ มาชิตะตั้งเป้าจะมีการเติบโตปี 2562 นี้ประมาณ 20% หรือมีรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มียอดขาย 600 ล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 20%”
ผู้บริหาร กล่าวเสริมว่า อีกทั้งปีนี้จะเริ่มรุกทำตลาดในจีนมากขึ้นทั้งในแง่ของการขยายตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวเมืองไทย และการรุกเข้าสู่ตลาดประเทศจีนด้วยการส่งออก ซึ่งล่าสุดได้มีการแต่งตั้งเอเยนต์แล้ว 1 ราย เน้นที่กว่างโจวก่อน วางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เทรดดิชั่นนอลเทรด และออนไลน์ โดยเลือก “นน ชานน” ดาราดังจากเรื่อง ฉลาดเกมส์โกง เป็นพรีเซ็นเตอร์ในจีนโดยเฉพาะ ดังนั้นในปีนี้บริษัทคาดกว่าสัดส่วนยอดขายที่มาจากการส่งออกจะเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท จากปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 30-40 ล้านบาท มียอดขายจากตลาดจีนเป็นหลัก