“สุรัตน์” คนต้นแบบเลิกเหล้า ย้ำเลิกดื่มมีเงินเหลือเก็บ แถมยังได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมา ด้านภาคีเครือข่ายงดเหล้า จัดเวทีเชิดชูคนหัวใจเพชร ลดละเลิกเหล้าเข้าพรรษา3เดือน ชู12ชุมชนนำร่อง พร้อมเชียร์งดต่อเนื่องออกพรรษา
ที่โรงแรมเมืองลิกอร์ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน ร่วมกับ สภาคนหัวใจเพชรภาคใต้ตอนบน สมาคมเพื่อนเยาวชนและพัฒนาสังคมภาคใต้ตอนบน เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา 2563 “งดเหล้าเข้าพรรษาปีนี้มีแต่สิ่งดีๆ ไปต่อสิ จะรออะไร”
นายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ในฐานะนายอำเภอแหวนเพชร และนายอำเภอนักรณรงค์งดเหล้าลดปัจจัยเสี่ยง ปี2563 กล่าวว่า ช่วง3เดือนเข้าพรรษา เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆใน1ปี จะเห็นว่าสุขภาพผู้ที่งดดื่มดีขึ้น ลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ อาชญากรรม สร้างภูมิคุ้มกันและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ยิ่งช่วงนี้เงินอาจจะหายากเพราะสถานการณ์โควิด การงดเหล้าไม่ว่าช่วงเข้าพรรษา หรือออกพรรษา ควรทำต่อเนื่อง จึงอยากจะขอเชิญชวนทุกคนลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดปัจจัยเสี่ยงเพื่อเศรษฐกิจที่ดี ดำเนินชีวิตตามปรัญญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะนอกจากเราจะได้สุขภาพแล้ว ยังทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ต้องเดินหน้าต่อคือ ขยายผลกิจกรรมดีๆแบบนี้ ให้มีต่อเนื่อง ซึ่งชุมชนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ในการกระตุ้นให้พี่น้องประชาชน ในชุมชนได้เห็นความสำคัญ จับมือกันทำกิจกรรมดีๆ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดผลกระทบได้มาหาศาล ซึ่งทุกพื้นที่ทั่วประเทศควรมีกิจกรรมลักษณะนี้
นายองอาจ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภายใต้ตอนบน กล่าวว่า ภาคใต้ตอนบนมีทั้งหมด7จังหวัด โดยเครือข่ายได้ทำงานร่วมกับ 12 ชุมชนอย่างเข้มข้น เชิญชวนกลุ่มเป้าหมายที่ดื่มเหล้าหนัก จำนวน 564 คน มาเข้าร่วมกิจกรรมเลิกเหล้าเข้าพรรษา ผ่านมา 3 เดือน พบว่ากลุ่มเป้าหมายจำนวน 453 คน สามารถเลิกเหล้าได้จริง ทั้งนี้จำนวนที่ขาดหายไป อาจด้วยสภาพสังคมที่เอื้อและบังคับให้ดื่ม จึงคาดหวังว่าในปีหน้า ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนสูงขึ้น โดยใช้การถอดบทเรียนในการทำงาน
“การจัดเวทีครั้งนี้ เพื่อเชิดชูคนหัวใจเพชรภาคใต้ตอนบน เพื่อเสริมแรง เสริมใจให้คนเลิกเหล้าและชวนคนมาเลิกเหล้า ซึ่งมี3กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มที่ทำงานเชิงนโยบาย เป็นกลไกสำคัญในการหนุนเสริมช่วยคนให้เลิกเหล้า เช่น นายอำเภอ นายก อบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น 2.กลุ่ม อสม.หรือ คนที่เคยเลิกเหล้า เป็นทีมปฏิบัติการที่ไปช่วยเชียร์รายทาง 3 เดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานหนักที่สุด 3.กลุ่มคนที่เลิกเหล้า ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าการรณรงค์งดเหล้า ไม่ใช่แค่การชวนมางด แต่จะเป็นแรงกระเพื่อมเพื่อให้ชุมชนอื่นๆ เห็นเป็นกระบอกเสียงว่าการชวนคนงดเหล้า ทำคนเดียวไม่พอ ต้องทำร่วมกันทั้ง 3 ส่วน สำหรับปัญหา อุปสรรค ของกลุ่มคนเลิกเหล้า คือ การก้าวผ่านช่วงเริ่มต้น คือเข้าพรรษาต้องพิสูจน์หลายอย่าง ทั้งคำดูถูก เหยียดหยาม ส่วนกลุ่มแกนนำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ที่เข้ามาทำเรื่องเหล้า จะโดนตั้งคำถามและถูกกดดัน แต่บทพิสูจน์จากการทำงานที่ผ่านมาจะช่วยให้ฝ่าแรงกดดันนำไปสู่ความสำเร็จได้” นายอำนาจ กล่าว
นายสุรัตน์ บุญฤทธ์ คนต้นแบบเลิกเหล้า จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในอดีตเป็นนักดื่มประจำหมู่บ้าน ดื่มตั้งแต่อายุ 18 ปี ดื่มทั้งวันทั้งคืน จนระยะหลังทำงานไม่ได้ มือสั่น ในขณะที่หนี้สินเพิ่มมากขึ้น ช่วงโควิดแทบไม่มีรายได้ จึงอยากเลิกเหล้าและเริ่มทำงานจริงจังมากขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่เครือข่ายองค์กรงดเหล้าเข้ามาช่วย แรกๆไม่มีใครเชื่อและดูถูก แต่วันนี้ผ่านมา 4 เดือน มีเงินเก็บมีแปลงผักเลี้ยงชีพ สุขภาพดีขึ้น เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราทำได้ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนชีวิตต้องเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ มีลูกมีคนรอบข้างเป็นแรงเชียร์ อย่างงดเหล้าเข้าพรรษา จะเป็นแรงบันดาลใจที่นำไปสู่ชีวิตที่เปลี่ยนไป น่าจะเป็นโอกาสในการพลิกชีวิต เริ่มจากการเลิกดื่ม มาสู่ชีวิตใหม่ ครอบครัวมีความสุขมากขึ้น วันนี้ดีใจมากที่ได้มาเจอคนที่งดเหล้าเหมือนกับเราหลายคนจาก7จังหวัด ได้กำลังใจมาก ผมมั่นใจแล้วว่าการงดเหล้ามันเปลี่ยนชีวิตได้จริง และวันนี้ได้ทำกิจกรรมเปิดประตูสู่ชีวิตใหม่ด้วย รู้สึกดีมากๆ