"โฮมพอตเทอรี่" คาดยอดขายปีนี้แตะ 200 ล้านบาท พร้อมปั้นแบรนด์ PE’TYE สู่โกลบอลแบรนด์ภายใน 3 ปี ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนขายเป็น 30% ขณะที่ผลประกอบการ Q1/64 ยังคงสะท้อนผลกระทบจาก COVID-19 อยู่
นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โฮมพอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารเซรามิคระดับสากล เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการปี 2564 ว่า บริษัทมั่นใจว่าจะกลับมามียอดขายใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท จากคำสั่งซื้อของลูกค้าหลักทั้งสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปที่เริ่มมีออเดอร์กลับมา หลังจากที่ต่างประเทศ เริ่มมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศจนสถานการณ์ในต่างประเทศเริ่มดีขึ้น ขณะที่การแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศอินเดีย ทำให้ลูกค้ารายใหญ่จากยุโรปได้ปรึกษาเตรียมย้ายคำสั่งซื้อจากฐานผลิตที่อินเดียมายังประเทศไทย ล่าสุดบริษัทมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาแล้วกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นปริมาณ Back log ที่สูงสุดในประวัติการณ์ โดยจะทยอยรับรู้ช่วงไตรมาส 2 และ 3
“บริษัทมี back log มากกว่า 50 ล้านบาท ถือเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ซึ่งจะสะท้อนถึงยอดขายปีนี้น่าจะกลับมา Turn around โดยมียอดขายไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท หลังจากที่สถานการณ์ในต่างประเทศเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจนทำให้ลูกค้ากลับมาออเดอร์สินค้า ตอนนี้ลูกค้าต่างประเทศเร่งให้ส่งสินค้าเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ” นางสาวนิจวรรณ กล่าว
ขณะที่แบรนด์สินค้า PE’TYE นั้น มีสัดส่วนยอดขายอยู่ประมาณ 15% จากการจำหน่ายทั้งในประเทศและอีก 8 ประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ด้วยคุณภาพสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด และภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้ายอดขายจาก PE’TYE เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากการทำการตลาดเชิงรุก เพื่อเพิ่มกลุ่มลูกค้าให้หลากหลาย พร้อมทั้งมีแผนการทำ Virtual Showroom เพื่อให้ลูกค้าต่างประเทศสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นโดยการเห็นสินค้าเสมือนจริงทดแทนการออกงานแสดงสินค้าทั้งนี้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศประมาณ 80% และในประเทศ 20%
ด้านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีความพยายามเพิ่มฐานลูกค้าในภาคครัวเรือนให้มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยมีบริษัทย่อย บริษัท เซ็นทรัล ฮอสพิแทลลิที จำกัด (CHL) เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า PE’TYE และจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องครัวครบวงจร ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ลูกค้าในกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารชะลอคำสั่งซื้อสินค้า จนส่งผลกระทบต่อบริษัทตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 อย่างไรก็ตามภาคครัวเรือนกลับให้การตอบรับสินค้าเป็นอย่างดี ขณะที่สถานการณ์ในต่างประเทศเริ่มกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งบริษัทยังได้จับมือกับพันธมิตร เพิ่มผลิตภัณฑ์เซรามิคในกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมและสินค้าส่งเสริมการขายเพื่อตอบโจทย์ของความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในกลุ่มอื่นๆให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 1/64 บริษัทมีรายได้ 25.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% (QoQ) จากไตรมาส 4/2563 ที่มีรายได้ 20.19 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 3.97 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2563 ขณะที่บริษัทมีกำไรขั้นต้น 2.97 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย อย่างไรก็ตามบริษัทได้พยายามบริหารต้นทุนเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ในภาวการณ์ที่ไม่ปกตินี้ จนทำให้กิจการยังมีกระแสเงินสดเพียงพอในการดำเนินการอยู่ โดยกระแสเงินสดเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 เพิ่มขึ้น 5.57 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทขอเชิญชวนผู้ถือวอร์แรนต์ (HPT-w1) แจ้งใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรตน์เป็นหุ้นสามัญ ในสัดส่วน 1:1.01 ราคาแปลงสภาพ 0.49589 บาทต่อหุ้น ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2564 เพื่อนำเงินที่ได้จากการแปลงสภาพครั้งนี้ มาใช้เป็นทุนหมุนเวียนและขยายช่องทางการการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อฐานลูกค้าใหม่ๆ